เตือนโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ยังระบาดทั้งภูมิภาค ดันต้นทุนป้องกันโรคพุ่ง

24 ก.พ. 2568 | 17:38 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.พ. 2568 | 17:49 น.

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เตือนภาวะโรค ASF หรืออหิวาต์แอฟริกาในสุกร ยังระบาดเรื้อรังในภูมิภาคเอเชียและประเทศเพื่อนบ้าน ดันต้นทุนการป้องกันโรคสูงขึ้นต่อเนื่อง ผู้เลี้ยงหมูเดินหน้าป้องกันตามมาตรฐานสากล ยืนยันคนไทยมีเนื้อหมูปลอดภัยบริโภคเพียงพอในราคายุติธรรม

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า โรค ASF หรืออหิวาต์​แอฟริกา​ใน​สุกรเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรทั่วโลกเพราะเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วในฟาร์ม ทำให้สุกรเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเวลานี้ยังคงแพร่ระบาดในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นปัจจัยลบที่มีผลให้การผลิตสุกรในภูมิภาคผันผวน และมีผลต่อต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทางชีวภาพปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีการผลิตสุกรจำนวนมาก ผู้เลี้ยงสุกรจึงต้องรับภาระต้นทุนป้องกันโรคสูงขึ้นต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดได้

ทั้งนี้ ต้นทุนการป้องกันโรค ASF ที่สูงขึ้น มาจากความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดทั้งในเรื่องของการตรวจสอบสุขภาพสุกร การกำจัดสุกรที่ติดเชื้อ การใช้วัคซีนป้องกันโรค และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในฟาร์ม หากพบการติดเชื้อ ฟาร์มต้องมีการทำลายสุกรที่ติดเชื้อทันที และดำเนินการฆ่าเชื้อสถานที่และอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสุกรสูงขึ้น

เตือนโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ยังระบาดทั้งภูมิภาค ดันต้นทุนป้องกันโรคพุ่ง

ในบางกรณีอาจทำให้ฟาร์มบางแห่งไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ และเป็นสาเหตุให้ผลผลิตขาดแคลนในบางครั้ง ทำให้ราคามีการปรับขึ้น-ลงตามกลไกตลาด (Demand-Supply) นับเป็นความท้าทายที่ผู้เลี้ยงสุกรในไทยต้องเผชิญในการผลิตเนื้อหมูอย่างยั่งยืน

“โรค ASF เป็นบทเรียนสำคัญของผู้เลี้ยงหมูไทย และเราไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แม้จำเป็นต้องลงทุนกับการป้องกันโรคสัตว์สูงขึ้นมากก็ตาม อีกทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แม้จะปรับลงบ้างแต่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้ต้นทุนการผลิตของไทยปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 75-77 บาทต่อกิโลกรัม และไม่ใช่ไทยเพียงประเทศเดียวแต่ทั่วทั้งภูมิภาคต้องเผชิญกับต้นทุนป้องกันโรคไม่ต่างกัน เพื่อรับผิดชอบต่อผู้บริโภค”

สิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ

นายสิทธิพันธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทย ควรเร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีนป้องกันโรค ASF ที่มีความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งต้องเป็นวัคซีนที่ได้การรับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคในอนาคตและเพิ่มความมั่นคงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศ ช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ซึ่งหากประเทศไทยสามารถพัฒนาและนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาใช้ได้ จะส่งผลดีต่อการแข่งขันของไทยในตลาดโลก สร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมสุกรทั้งในด้านการผลิตและการส่งออก

อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงสุกรในประเทศไทยมีมาตรการป้องกันโรค ASF ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการตรวจสอบและควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์สุกร การควบคุมความสะอาดในฟาร์ม ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพเนื้อหมูก่อนการจำหน่าย และยังมีระบบการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงานปศุสัตว์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งให้การรับรองว่าเนื้อหมูที่ผลิตในประเทศมีคุณภาพ เพื่อสร้างหลักประกันให้คนไทยมั่นใจว่าจะยังคงได้รับเนื้อหมูที่ปลอดภัยในราคายุติธรรม