นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 เพื่อเร่งสร้างแต้มต่อทั้งทางด้านการค้า และดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศ
“ผมได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีกำหนด แม้การเจรจากับ EU ที่มีสมาชิกถึง 27 ประเทศ จะมีความซับซ้อนและยากลำบากกว่าการเจรจากับเอฟตา"นายพิชัยกว่า
นายพิชัยกล่าวว่า ตนและทีมกระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนเดินทางไปกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในเร็วๆ นี้ เพื่อพบกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ของ EU เพื่อหารือผลักดันการเจรจาให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลาที่นายกฯ ได้สั่งการ หากสำเร็จ จะเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยขยายตลาดสินค้าไทยในยุโรป และสร้างความแข็งแกร่ง เป็นแต้มต่อให้เศรษฐกิจไทย
นายพิชัย เปิดเผยเพิ่มเติมในปี 2568 นี้ ไทยตั้งเป้าปิดดีล FTA อีกหลายฉบับ ได้แก่ ไทย-EU, อาเซียน-แคนาดา, ไทย-UAE, ไทย-เกาหลีใต้ และไทย-ภูฏาน ซึ่งหากประสบความสำเร็จทั้งหมด ไทยจะสามารถเปิดประตูการค้าได้มากถึง 53 ประเทศ จากปัจจุบันที่มี FTA 16 ฉบับ กับ 23 ประเทศ
การเพิ่มจำนวน FTA จะช่วยให้ไทยกระจายความเสี่ยงทางการค้า เสริมศักยภาพการส่งออก และดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้นในสาขาที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศในอนาคต
ความสำเร็จจาก FTA ฉบับล่าสุด ไทย-เอฟตา(กลุ่มประเทศยุโรป 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ที่นายกฯเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง ที่เกิดขึ้นการประชุม World Economic Forum (WEF) 2025 ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานสูง และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศยุโรปอันจะนำไปสู่การผลักดัน FTA ไทย-อียู อีก 27 ประเทศ จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ไทยยืนหนึ่งในเวทีการค้าโลก และเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้อย่างยั่งยืน