วิเคราะห์แนวโน้ม-มุมมองการลงทุนในปี 68 ภายใต้ทรัมป์ 2.0 สินทรัพย์ใดน่าสนใจ

24 ม.ค. 2568 | 15:00 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2568 | 17:22 น.

วิเคราะห์แนวโน้ม-มุมมองการลงทุนในปี 68 ภายใต้ทรัมป์ 2.0 สินทรัพย์ใดน่าสนใจ Schroeder ชี้ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจยังเอื้อต่อการสร้างผลตอบแทนได้ดี การกระจายลงทุนจะมีความสำคัญต่อการสร้างพอร์ตที่มีความยืดหยุ่น

โจฮันน่า เคิร์กลุนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนกลุ่ม  ชโรเดอร์ส (Johanna Kyrklund, Group Chief Investment Officer Schroeder) เปิดเผยว่า ข่าวเกี่ยวกับการชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดของโดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐอเมริกาได้ก่อให้เกิดการคาดเดาอย่างไม่สิ้นสุดเกี่ยวกับนโยบาย ในสภาพแวดล้อมนี้การถอยออกมาเพื่อมองภาพรวมที่ใหญ่กว่าของตลาด มักจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบอบการลงทุน ซึ่งนำเสนอถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกแบบพหุหรือมีหลายขั้ว นโยบายการคลังเชิงรุกที่มากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยสภาพแวดล้อมหลังวิกฤตการเงินโลกซึ่งประกอบด้วยนโยบายการคลังที่เข้มงวด นโยบายการเงินที่คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และการค้าเสรีที่กระจายไปทั่วโลก ทั้งหมดนั้นไม่ส่งผลเชิงบวกต่อประชาชนทั่วไปในประเทศตะวันตก แต่กลับนำไปสู่นโยบายประชานิยมที่เพิ่มมากขึ้น

ในบริบทดังกล่าว หากพิจารณาร่วมกับข่าวกรณีการชนะการเลือกตั้งของ ทรัมป์ อาจกล่าวได้ว่าการกลับมาของทรัมป์เป็นผลมาจากการตอบสนองที่เกิดขึ้น มากกว่าที่จะเป็นสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมทางการเมือง ดังนั้นในวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โลกอาจพบกับการทวีความรุนแรงของผลพวงที่มีอยู่เดิม ทั้งนโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย และการตอบโต้ต่อโลกาภิวัตน์อย่างต่อเนื่องในรูปแบบของการเพิ่มพิกัดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น โดยควรทราบว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่ได้ยกเลิกพิกัดภาษีศุลกากรที่ทรัมป์กำหนดในสมัยดำรงตำแหน่งครั้งแรกแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จึงคาดการณ์ได้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตช้าลงจากก่อนหน้า แต่ยังคงเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ หรือที่เรียกว่า soft landing และคาดว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโตสูงขึ้นในช่วงปี 2568

วิเคราะห์แนวโน้ม-มุมมองการลงทุนในปี 68 ภายใต้ทรัมป์ 2.0 สินทรัพย์ใดน่าสนใจ

อย่างไรก็ดี เมื่อมองหุ้นอย่างละเอียดมากขึ้น ดัชนี S&P 500 ดูเหมือนจะมีราคาสูงเกินไป ในขณะที่หุ้นนอกกลุ่มบริษัทใหญ่ และนอกสหรัฐอเมริกาดูน่าสนใจกว่าในแง่ของราคา นักลงทุนในตลาดหุ้นมักคุ้นเคยกับภาพที่บริษัทขนาดใหญ่ เพียงไม่กี่แห่งเป็นแรงขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้น แต่รูปแบบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

คาดว่าผลตอบแทนที่เคยกระจุกอยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาสิ่งที่ทรัมป์ให้ความสำคัญ ทั้งการลดขั้นตอนทางกฎระเบียบ และการลดภาษีนิติบุคคลลง

นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา การค้าจะเป็นหัวข้อที่พึงให้ความสำคัญหากทรัมป์ดำเนินการตามนโยบายภาษีศุลกากรที่เขาประกาศในช่วงการเลือกตั้ง ในทางปฏิบัติภาษีศุลกากรที่แพร่หลายเช่นนี้อาจยากที่จะบังคับใช้เป็นกฎหมาย แต่ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจกระตุ้นให้บริษัทสัญชาติอเมริกันย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐอเมริกา 

ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อประเทศเพื่อนบ้านและ ประเทศอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าประเทศต่างๆ จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อชดเชยผลกระทบเหล่านี้เช่นกัน

โดยรวมแล้วมองเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเชิงบวกจากหุ้นในปี 2568 แต่ผู้ลงทุนอาจต้องมองข้าม ผู้ชนะในช่วงเวลาล่าสุด ซึ่งควรตระหนักด้วยว่าความเสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความคาดหวังเชิงบวกได้ถูกนำไปรวมอยู่ในมูลค่าตลาดแล้ว โดยเฉพาะเมื่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อยู่ที่ประมาณ 4.5% ถึง 5% จึงเห็นว่าการเปรียบเทียบผลตอบแทนจากตลาดหุ้นกับพันธบัตรจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของผลตอบแทน จากหุ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นสามารถดึงเงินออกจากตลาดหุ้น รวมถึงเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทต่าง ๆ

วิเคราะห์แนวโน้ม-มุมมองการลงทุนในปี 68 ภายใต้ทรัมป์ 2.0 สินทรัพย์ใดน่าสนใจ

อย่างไรก็ดี ยังคงคาดการณ์สภาวะ soft landing หรือการเติบโตที่ช้าลงแต่ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้ แนวโน้มยังคงกังวลว่าบรรยากาศการ เติบโตในสหรัฐอเมริกาอาจร้อนแรงเกินไปมากกว่าจะเป็นแบบเนิบช้าเกินไป โดยนโยบายการควบคุมแรงงานต่างชาติและนโยบายที่สนับสนุนภาคธุรกิจอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อภายในประเทศ ซึ่งอาจจำกัดความ สามารถของธนาคารกลางสหรัฐในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปัจจุบันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากช่วงระบอบอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นช่วงภาวะเงินฝืดในช่วงปี 2010 ดังนั้นพันธบัตรจึงไม่ให้อัตราส่วนความสัมพันธ์เชิงลบในลักษณะเดียวกับที่เคยเป็นในทศวรรษ ที่ผ่านมา

การถือครองพันธบัตรเพื่อสร้างรายได้กระแสเงินสดในลักษณะดั้งเดิมได้กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงแนะนำให้พิจารณาการรวมพันธบัตรไว้ในพอร์ตการลงทุน นโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่แตกต่างกัน ทั่วโลกจะสร้างโอกาสในการลงทุนข้ามตลาดในตลาดตราสารหนี้และตลาดสกุลเงิน 

นอกจากนี้งบดุลที่แข็งแกร่ง ของบริษัทจะช่วยสนับสนุนผลตอบแทนที่เสนอในตลาดพันธบัตรของบริษัทเอกชนอีกด้วย ในขอบเขตที่นักลงทุนกำลังมองหาเครื่องมือในการลดความเสี่ยง โดยแนะนำให้พิจารณาทองคำ เพราะสามารถใช้ลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เช่นเดียวกับพันธบัตร นอกจากนั้นทองคำยังคงมูลค่าได้ดีในสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์

แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะดูเอื้ออำนวยต่อผลตอบแทน แต่เราก็ไม่สามารถมองข้ามความจริงที่ว่ามีความเสี่ยงมากมายรายล้อมอยู่ และโลกกำลังเผชิญกับการถูกดิสรัปหรือการชะงักงันในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเกิดขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย

นอกจากความเสี่ยงที่ได้กล่าวถึงแล้ว ยังคงมีความเป็นไปได้จากกรณีการขึ้นภาษีศุลกากรและสงครามการค้า รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลางและยูเครน โดยไม่อาจมองข้ามความเสี่ยงจาก การประเมินสถานการณ์ทางการเมืองที่ผิดพลาดได้

กลไกการส่งผ่านผลจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ไปยังตลาดการเงินมักจะผ่านมาทางสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าโภคภัณฑ์มีความนิยมลดลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทั่วโลก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ กระจายความเสี่ยงและสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น นอกจากนี้ พลังงานยังเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างความ ยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุน ขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่ดี

สินทรัพย์นอกตลาด (private markets) ก็สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุน ได้เช่นกัน เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว สินทรัพย์นอกตลาดมักได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์น้อยกว่าหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหรือตราสารหนี้ ตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้น ฐานที่ให้กระแสเงินสดระยะยาวที่มั่นคง รวมถึงสินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับการประกันภัย (ILS) ซึ่งสภาพอากาศเป็น ปัจจัยเสี่ยงหลัก

“โดยรวมแล้วคาดว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเอื้ออำนวยต่อการสร้างผลตอบแทนที่ดีในปี 2025 อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายที่จะต้องเผชิญ ดังนั้นการใช้กลยุทธ์การลงทุนที่กระจายความเสี่ยงโดยพิจารณาอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคและประเภทสินทรัพย์ จะสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุนเพื่อพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปีข้างหน้า”