ราคาทองคำพุ่ง ดอลลาร์อ่อนค่า หลังทรัมป์กดดันเฟดลดดอกเบี้ย

24 ม.ค. 2568 | 12:39 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2568 | 12:43 น.

ราคาทองคำปรับตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากแรงกดดันของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ให้เฟดลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 มกราคม) หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นผลจากแรงกดดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดยังคงจับตามองความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์อย่างใกล้ชิด

ตามรายงานของรอยเตอร์ส ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 2,753.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 15:28 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (20:28 GMT) โดยราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790.15 ดอลลาร์ซึ่งเคยเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม

ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ลดลงเล็กน้อย 0.2% อยู่ที่ 2,765 ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ลดลง 0.2% ทำให้ราคาทองคำที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลง

แดเนียล พาวิโลนิส นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสจาก RJO Futures ให้ความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในครั้งนี้เกิดจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ “ราคาทองคำปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงเช้าหลังจากมีการขายดอลลาร์ออก”

นโยบายทรัมป์กดดันเฟดและเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด

ในการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ทรัมป์เน้นย้ำถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ พร้อมเรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ยทันที นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ใช้มาตรการลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง

ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์จะกดดันให้ลดดอกเบี้ย แต่ผู้ค้ายังคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 มกราคม โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ระบุว่ามีโอกาสถึง 99.5% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในระดับเดิม

ผลกระทบต่อโลหะมีค่าอื่นๆ

ในตลาดโลหะมีค่าอื่น ราคาของโลหะเงินลดลง 1.1% อยู่ที่ 30.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลตตินัมลดลง 0.2% อยู่ที่ 943.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม ราคาแพลเลเดียมกลับเพิ่มขึ้น 1.3% อยู่ที่ 990.31 ดอลลาร์ โดยรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตแพลเลเดียมรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีและการคว่ำบาตรที่ทรัมป์ขู่จะบังคับใช้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสงครามในยูเครนได้

ความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าระหว่างประเทศและแรงกดดันจากทรัมป์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดโลหะมีค่ายังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง