ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ประเทศไทยท่ามกบางโลกแบ่งขั้ว ในงานเสวนาโต๊ะกลม Geopolitics 2025 | TRUMP 2.0 : The Global Shake Up ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่า ต้องจับตานโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ โดยในช่วงเริ่มต้นอาจจะยังไม่ชัดเจนว่าที่พูดมาทั้งหมดจะเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร
ทั้งนี้ คงไม่มีใครปฎิเสธว่าสถานการณ์โลกแบ่งขั้วปัจจุบันจะมาจากสหรัฐกับจีน รวมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ต้องเผชิญความแตกแยกความผันผวนด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีด้วย
อย่างไรก็ดี จากการที่ทรัมป์ได้ชัยชนะการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. 2567 และได้เข้าพิธีสาบานตนรอบ 2 หรือทรัมป์ 2.0การกลับมาจะส่งผลอย่างไรนั้นถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจับตามองและเตรียมรับมือโดยเฉพาะนโยบายต่างๆ ใน 4 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย
1. ภูมิรัฐศาตร์และโลกแบ่งขั้ว ซึ่งในยุโรปเกิดส่งครามรัสเซียและยูเครนมาแล้ว 3 ปี ทุกฝ่ายต่างจับตามองว่าจะคลี่คลายหรือไม่ ส่วนสงครามตะวันออกกลาง 15 เดือนนี้ ได้ขยายวงไปในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงอิหร่านและอิสราเอลด้วย ซึ่งถือว่ามีข่าวดีมาบ้าง โดยสัปดห์ก่อนอิสราเอลกับฮามาสมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ด้านภูมิภาคเอเชียก็ต้องเฝ้าระวัง ทั้งสถานการณ์ทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก เป็นต้น
สำหรับโลกปัจจุบันนั้น การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการแข่งขันด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น เกิดการแบ่งขั้วธุรกิจและเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นหัวใจทางอำนาจทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ รวมถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงจำป็นต้องรักษาความสมดุลเพื่อลดคามเลี่ยงลดพึ่งพา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกคือ จะยังเห็นผู้เล่นที่เป็นเอกชน เช่น บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การแตกขั้ว สร้างระบบภาษี ความเชื่อมั่นเผชิญความท้าทาย ระบบการค้าโลก WGO ชะงักงัน กระแสโลกที่เคยได้ประโยชน์การค้าการเดินทางกำลังจะตบกตีกับกระแสคาร์บอไนเซชันนโยบายกีดกันการค้าแนวคิดสุดโต่ง จึงทำให้แต่ละประเทศต้องกลับมาปกป้องตัวเองมากขึ้น โดยรวมกลุ่มแบบภูมิภาคนิยมมากขึ้น เพื่อปกป้องตนเองในภูมิภาคที่มีอุดมคติคล้ายกัน
2. สหรัฐเปลี่ยนโลก การที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดทั้ง 2 สภาฯ ทำให้มีอำนาจเต็ม ซึ่งนโยบายที่หาเสียงปฏิบัติง่ายขึ้น อีกทั้ง คนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆ ล้วนมีจุดยืนแข็งกร้าวกับจีน ดังนั้น ทรัมป์ 2.0 จะมุ่งนโยบาย America First ที่เน้นเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและพลังงาน ให้มากกว่าระเบียบโลก สร้างความแข็งแกร่งมั่นคงให้ทั้งคนและประเทศ ซึ่งการเจรจาการค้าจะติดต่อโดยตรง เจรจาเป็นกรณีต่อกรณีและต่อรอง
นอกจากนี้ ทั้ง UN และ NGO จะเปิดโอกาสให้จีนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในระเบียบใหม่ ดังนั้น ประเทศขนาดกลางและเล็กจะต้องหาหลักใหม่เพื่อเพิ่มทางเลือก เช่น กลุ่มบริกส์ (BRICS) ซึ่งหากไทยเข้าร่วมจะทำให้เหมือนเป็นการต่อต้านจึงเชื่อว่าทรัมป์จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน
โดยผลที่ติดตามมาคือทำให้การแบ่งขั้วกับจีนเข้มข้นขึ้น อาวุธที่ใช้คือการขึ้นภาษีประเทศที่ได้ดุลการค้าสูงสุดอย่าง จีน 60% และกีดกันเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้สงครามการค้ารุนแรงกว่าเดิม
3. ประเทศไทยท่ามกลางโลกแบ่งขั้ว จากนี้ไปอีก 4 ปี ไทยต้องเผชิญ การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ ที่คาดเดายาก จึงต้องตั้งรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี โดยสหรัฐอาจทบทวนการดำเนินสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และยกเลิกเจรจาและตกลงกันใหม่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ ในขณะที่ความสัมพันธ์กับไทยที่ยาวนานอาจไม่เปลี่ยน แต่เศรษฐกิจต้องรับมือซึ่งไม่เป็นผลดีกับไทยมากนัก
อีกทั้งการที่ไทยมีมูลค่าการส่งออก 2.8 แสนดอลลาร์ โดยตลาดใหญ่คือสหรัฐ 17% มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ อยู่อันดับ 12 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง โดยมาตรการขึ้นภาษีจะทำให้สินค้านำเข้าทั่วโลกสูงขึ้น ซึ่งไทยได้รับผลกระทบ และต้องวางยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมความผันผวน ควรเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐ หรืออาจร่วมลอบบี้กับวอชิงตันและจัดกลุ่มสินค้าแต่ละประเภทที่มีมูลค่าส่งออกสูงและเกินดุล อาทิ สินค้าเกษตร เซมิคอนดักเตอร์ แผงโซลาร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจหามาตรการเยียวยาภาคเกษตรกรที่ส่งออกไปสหรัฐ และอาจมีความเป็นไปได้ที่บังคับให้ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐ ส่วนการที่จีนหลบเลี่ยงนำเข้าภาษี ย้ายฐานการผลิตมาไทยให้เป็นผู้ส่งออกแทน สหรัฐอาจมองว่าใช้ประเทศไทยหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าได้ และอาจโดนตรวจสอบสินค้านำเข้าอย่างเข้มงวดและเรียกภาษีไทยสูงขึ้นด้วย จะส่งผลกระทบไทยภาพรวม
นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า การป้องกันของสหรับอาจทำให้ประเทศที่เป็นเป้า ตอบโต้ตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทนเช่นกัน ซึ่งไทยจะกระทบด้วย จึงต้องสร้างเครือข่ายระดับสูงกับประเทศที่มีอำนาจสูงต่อสหรัฐ และชี้ให้เห็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกัน ส่งเสริมการค้าลงทุนมากขึ้น ลดความเสี่ยงของมาตการตอบโต้ โดยอาจยอมซื้อสินค้าในสหรัฐบางรายการ และส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น
4. การดำเนินนโยบายไทยในโลกแบ่งขั้น โดยยุคทองของการค้าระหว่างประเทศในความเห็นส่วนตัวจบลง ทรัมป์จะมาพร้อมความไม่แน่นอนสูง ไทยต้องเตรียมรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ซึ่งไทยโชคดีที่มีต้นทุนความไม่ขัดแย้งกับประเทศไหน จึงต้องดำเนินนโยบายกระจายความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง
การรวมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน และประเทศอำนาจขนาดกลาง และประเทศที่เติบโตเร็ว เพื่อรักษาสถาะของการไม่เป็นส่วนหนึ่งของการขัดแย้ง ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ยึดค่านิยมสากลเป็นที่ตั้ง ส่งเสริมความเข้มแข็งอำนาจต่อรอง เสริมสร้างความเป็นแกนกลางอาเซียนผ่านกลไกต่างๆ รักษาเสถียรภาพไม่ให้ภาคีภายนอกใช้ประโยชน์ตรงนี้
การที่ไทยมีมิตรจะช่วยสร้างอำนาจต่อรองให้มีบาทบาทเป็นสะพานเชื่อม เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสร้างเสถียรภาพ สถานะ อิทธิพลไปสู่ระเบียบโลกใหม่อย่างเต็มที่ และต้องเป็นกลาง รักษาสมดุลโลกแบ่งขั้ว แบ่งค่าย เพื่อให้ฝ่าฟันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงต่อไปได้