"กทม." เคลียร์หนี้ "สายสีเขียว" จ่ายบีทีเอส 1.4 หมื่นล้าน ลุยศึกษาร่วมทุน PPP

16 ม.ค. 2568 | 16:49 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2568 | 16:53 น.

บีทีเอสเฮ “กทม.” เดินหน้าจ่ายหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” รอบ 2 วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท เตรียมตั้งคณะกรรมการศึกษาพ.ร.บ.ร่วมทุน PPP หลังสัมปทานจ่อสิ้นสุดภายในปี 72

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดนั้น

ขณะนี้ กทม.ดำเนินการชำระหนี้ดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา จำนวน 14,395,951,118.45 บาท โดยนำเช็คระบุยอดเงินดังกล่าวไปจ่ายที่ศาลปกครอง

“ประเด็นที่บีทีเอสยังดำเนินการฟ้องร้องอยู่ในศาลปกครอง และหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ยังไม่ฟ้องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงหนี้ในอนาคตทั้ง 3 ส่วน เป็นเรื่องที่ต้องหารือกับสภา กทม.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเรื่องที่จะหารือมีทั้งเรื่องของอดีตและอนาคต เพราะอดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วก็จะใช้บรรทัดฐานของศาลเป็นตัวชี้วัดได้” นายชัชชาติ กล่าว 

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องของอนาคตคงต้องถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อมีคำสั่งศาลก็สามารถจ่ายได้ไม่มีปัญหา ส่วนอีกเรื่องที่ต้องทำ คือ การดำเนินการตาม พ.ร.บ.การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ 2562 เนื่องจากสัญญาสัมปทานเดิมจะหมดในปี 2572 หลังจากนี้ต้องจ้างคณะที่ปรึกษามาทำการศึกษาต่อว่าจะทำอย่างไร ซึ่งสั่งการให้เร่งดำเนินการ พราะไม่ใช่เรื่องง่ายและเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง

ทั้งนี้ในปัจจุบันได้งบประมาณในการจ้างคณะที่ปรึกษาแล้ว อยู่ระหว่างการคัดเลือกและตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาตาม พ.ร.บร่วมทุนฯ ซึ่งมีเงื่อนไขที่ให้ต้องพิจารณาหลายเรื่อง เช่น สัญญาที่เซ็นไว้แล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร รวมทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
 

ด้านการจ่ายค่าโครงสร้างของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่ยังค้างอยู่นั้น จะต้องหารือกับรัฐบาลในภาพรวมอีกครั้ง เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระทางด้านการเงินของ กทม.

อย่างไรก็ตามด้านค่าจ้างเดินรถรายเดือนของส่วนต่อขยาย 2 ที่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการชำระนั้น ขณะนี้เรื่องดังกล่าวต้องเสนอต่อที่ประชุมสภา กทม. เนื่องจากตามกฎหมาย กทม. ถือเป็นเรื่องภาระหนี้ผูกพันข้ามปี โดยให้สภา กทม.อนุมัติ ก่อน

“ส่วนประเด็นดังกล่าวศาลไม่ได้ตัดสินไว้ เพียงแต่ศาลได้ตัดสินในเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว หากเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นในอนาคต ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำให้ถูกกฎหมาย” นายชัชชาติ กล่าว