ค่าเงินบาทอ่อนดันต้นทุนนำเข้าน้ำมันดิบ

22 ก.ย. 2565 | 15:26 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2565 | 22:57 น.

ค่าเงินบาทอ่อนดันต้นทุนนำเข้าน้ำมันดิบ ขณะที่ สกนช. ไม่ระบุกระทบราคาน้ำมันในประเทศ หลังอ่อนค่าทะลุ 37.25 บาท อ่อนที่สุดในรอบ 16 ปี

ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่ระดับ 37.25 บาท หลังจากที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อควบคุมระดับเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ การที่ "ค่าเงินบาท" อ่อนค่าย่อมส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้า เพราะจะทำให้ราคาสินค้าที่นำเข้ามาขยับตัวเพิ่มขึ้น

 

"ฐานเศรษฐกิจ" สอบถามไปยังนายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เพื่อตรวจสอบผลกระทบจาก "ค่าเงินบาท" ต่อราคาน้ำมัน พบว่า การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบันย่้อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบที่จะนำมากลั่นให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 

 

อย่างไรก็ดี หากถามว่าจาก "ค่าเงินบาท" ที่อ่อนค่า และทำให้ต้นทุนการนำเข้าราคาน้ำมันดิบมากลั่นสูงขึ้น จะส่งผลต่อการปรับลดราคาจำหน่ายน้ำมันในประเทศด้วยหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวตนคงไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีผลหรือไม่ เพราะการพิจารณาราคาจำหน่ายน้ำมันในประเทศมีองค์ประกอบหลายส่วนร่วมกัน

ปัจจุบันราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นเป็นดังนี้ 

 

กลุ่มน้ำมันเบนซิน

  • น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 41.86 บาท
  • แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 34.45 บาท
  • แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 34.18 บาท
  • แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 33.34 บาท
  • แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 31.94 บาท

กลุ่มน้ำมันดีเซล

  • ไฮพรีเมี่ยมดีเซล B7 ลิตรละ 44.66 บาท (โออาร์)
  • ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS B7 ลิตรละ 44.66 (บางจาก)
  • ดีเซล B7  ลิตรละ 34.94 บาท
  • ดีเซล B10 ลิตรละ 34.94 บาท 
  • ดีเซล B20 ลิตรละ 34.94 บาท