“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”คัมแบ็กเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ

09 ก.ย. 2565 | 06:30 น.

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ : “คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรงนะ แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย”

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานพรรคสร้างอนาคตไทย และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ได้เปิดตัว ในกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย จัดขึ้นที่ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต 


โอกาสนี้ ดร.สมคิด ได้ขึ้นเวทีเปิดใจถึงการก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัวว่า ตนพาลูกชายคนเล็กมาด้วย เพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็น และรู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง ให้เขาเรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ต้องการให้เข้าใจว่าทำไมพ่อเขาต้องกลับมาช่วยเหลือน้อง ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

“ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีความหมายคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯ มาทุกยุคทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่พัฒนาบ้านเมืองอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้า แต่เพราะพลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะมี Agenda อย่างอื่นมากกว่า” 


+หนุนเป็นพรรคสายกลาง


ดร.สมคิด กล่าวว่า วันนี้ตนมาด้วย 2 วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์แรกคือมาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณพรรคที่มีความตั้งใจ มุ่งมั่นสร้างพรรคการเมืองเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดเข้าไปแก้ไขกอบกู้เศรษฐกิจ และวางอนาคตให้คนรุ่นหลัง เพราะส่วนใหญ่นักการเมืองไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองไปไม่ได้ 

ขอบคุณที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศตนเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่งสุดขั้ว แบ่งฝ่าย แบ่งสี แบ่งกลุ่ม ที่มีแต่จะทำลายตัวเอง บ้านเมือง และพลังของชาติที่จะแก้ไข และสร้างอนาคตให้ชาติ สำคัญที่สุดคือ ต้องเป็นกลาง เพื่อยึดโยงพลังของคนในชาติสามารถเข้ามาร่วมกันสร้างพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่ 


“พวกท่านกล้าหาญที่ตั้งพรรคการเมือง ทั้งที่สถานการณ์ค่อนข้างลำบากจริง ๆ สถานการณ์ที่เงินตราเข้ามามีบทบาทสูง การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะคล้าย ๆ การแข่งขันสนามม้า คือ มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และเจ้าของคอกก็ต้องหาเงินมาเพื่อเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้แม้เป็นความจริงที่มีมาตลอด เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคำว่าประชาธิปไตย” 

 

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญนี้ รวมกับความคิดเข้าไปสร้างนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน นี่คือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องคำนึง หรือ กลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไม่บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนนั่นแหละคือหัวใจ 


“ผมไม่ได้มาอยู่พรรคนี้เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่มาเพื่อต้องการให้พรรคนี้ เป็นตัวอย่างสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยไปในทางที่ถูกต้อง”

                                                 สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
การเมืองทำศก.น่าห่วง


ดร.สมคิด กล่าวด้วยว่า วันนี้เศรษฐกิจก็น่าเป็นห่วง การเมืองเป็นอย่างนี้ เรามีนายกฯ แต่ไม่รู้คนไหนตัวจริง ที่น่ากังวลคือ เราต้องมีนายกฯ จริง ๆ เพื่อให้พาวเวอร์การนำไปอยู่ที่ตัวผู้นำจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่าวันนี้ใครนำ หรือจะให้ข้าราชการนำ สมัยก่อนข้าราชการนำได้ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาการเมืองทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด ดังนั้นทุกอย่างอยู่ที่ผู้นำ ต้องทุบโต๊ะไปเลย ถ้าไม่ทำก็ยุบสภาไป ฉะนั้นจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เมืองไทยจะไปไม่ไหว 


ประชาชนยิ่งนับวันก็ยิ่งจน ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ กลายเป็นเหยื่อของการยุยงปลุกปั่น เกลียดชัง การแบ่งฝัก แบ่งฝ่ายจะเกิดขึ้น การปลุกปั่นยุยงให้บ้านเมืองแตกแยกไม่มีใครได้ประโยชน์ นอกจากคนปั่น ฉะนั้นการเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติ เป็นสิ่งที่พรรคนี้ต้องพยายามอย่าให้เกิดขึ้น 


ต้องช่วยคนยากลำบาก


ดร.สมคิด กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่สอง อยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้ และสร้างอนาคตของประเทศไทย ตนได้ยินว่า นายอุตตม สาวนายน จะตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย จึงขอให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเร่งด่วน ช่วยเหลือคนยากลำบาก ไม่เช่นนั้นจะอยู่ไม่ได้ 
ส่วนกองที่สอง คือ กองทุนเพื่ออนาคต คนไทยกว่า 60% อยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่กลับมีส่วนในจีดีพีน้อย จึงไม่มีกำลังซื้อ เราจึงต้องเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ 


นอกจากนี้ ยังต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว และทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชน เมื่อเชื่อมต่อระหว่างการเกษตรยุคใหม่ และการท่องเที่ยว มีหรือที่ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่การประกัน หรือการจำนำ แต่อยู่ที่การคอร์รัปชัน จึงต้องปฏิรูปให้ชัดเจน 


แรงบันดาลใจเพื่อชาติ


ดร.สมคิด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พรรคได้เสนอให้ตนเป็นประธานพรรค ซึ่งพร้อมสนับสนุนพรรคในทุกรูปแบบ จึงอยากเข้ามาช่วยสนับสนุน แม้ผมจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็เห็นใจน้องๆ เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย 


“คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรงนะ แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง สิ่งนี้มาจากความจริงใจของผม ยิ่งมาแข่งเยอะยิ่งดี ตั้งใจจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร ในระบอบนี้ต้องคิดต่าง แต่เคารพความเห็นซึ่งกันและกัน
ดร.สมคิด กล่าวว่า การกระจาย งบ และอำนาจ คือหัวใจของการสร้างความเข้มแข็งของการสร้างเศรษฐกิจภายใน ตนจะสนับสนุนพรรค ถ้าพรรครับปาก 3 ข้อ คือ

 

1.การสร้างพรรคการเมืองที่ดี ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ และนโยบาย เป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แปลว่าพรรคต้องมีช่องทางเกาะเกี่ยวกับประชาชน ให้ประชาชน เข้ามากำหนดการตัดสินใจกับพรรคทั้งในสภา และนอกสภา ต้องไม่ใช่การเมืองที่มีส่วนร่วม 4 วินาที แค่ตอนหย่อนบัตรเลือกตั้ง   


ข้อที่ 2 การเข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจ และทำตามที่ตนเสนอ คือ การทำงานแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว

 

และข้อ 3 ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องการเมือง ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่กระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนหวังไว้ เพราะทุกเรื่องไม่พ้นเรื่องเงิน 
ผู้นำอาจจะไม่ใช่นายกฯ แต่เป็นผู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองต้องร่วมมือสนับสนุน ต้องสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ ไม่ใช่เลือกตั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิม สภาคือหัวใจ ที่ต้องรื้อกฎหมายเก่า และสร้างกฎหมายใหม่ 


ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงการเมือง ต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่กติกาการเลือกตั้ง แต่ต้องรีฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งการกระจายอำนาจ งบประมาณ และระบบราชการ เพื่อให้ไปสู่ทิศทางข้างหน้าให้ได้ 


นายกฯฟ้าลิขิต 


อย่าหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การที่ประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน อย่ามาบอกว่า 7 คน 1 ที่นั่ง ผมไม่ฟัง ถ้ามี ส.ส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ ขอให้ นายอุตตม ใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่ออกไปเลย 


เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน คนไทยรอไม่ได้ มันมาถึงจุดนี้ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก  


“ผมมาที่นี่ อย่าพูดไปเรื่อยๆ ว่าจะให้ผมเป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯ ฟ้าลิขิต แต่ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ฉะนั้น ถ้าหากว่ายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมพร้อมจะเป็นประธานพรรคให้ท่าน รับหรือไม่รับ” 


หลังจาก ดร.สมคิด พูดจบ นายอุตตม ได้นำสมาชิกลุกขึ้นตอบรับเสียงดังว่า “รับ ๆ ๆ" พร้อมตะโกนชื่อ ดร.สมคิด กันอย่างพร้อมเพรียง