“สมคิด" สับรัฐบาลทำงานเฉื่อย สูญโอกาส ต่างชาติชิ่งหันลงทุนเพื่อนบ้านแทน

08 ก.ย. 2565 | 15:33 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2565 | 22:39 น.

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สับรัฐบาลทำงานเฉื่อย รับเสียใจและเสียดาย ลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่หนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถนนทุกสายต่างวิ่งเข้ามาที่ประเทศไทย รับรัฐบาลไม่สานต่อ หวั่นยักษ์ใหญ่จีน และญี่ปุ่นแห่ชิ่งตาม หวั่นไทยตกขอบเวทีโลก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีสัมมนาพรรค ซึ่งเป็นการเปิดตัวในฐานะประธานเป็นครั้งแรก ถึงการบริหารนโยบายด้านการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ว่า รู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะตอนนี้นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่หนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถนนทุกสายต่างวิ่งเข้ามาที่ประเทศไทย

 

ทั้งนี้ในช่วงที่ร่วมทำงานกับรัฐบาล ได้ผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ออกมา เพื่อต้องการจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาในพื้นที่ และใช้ EEC ไปเกาะกับ One Belt One Road ของจีน พร้อมทั้งจูงใจให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนใน EEC ซึ่งขณะนั้นนักลงทุนมีความคึกคักมากที่สุด เข้ามาในประเทศไทย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย บนเวทีสัมมนาพรรค

 

“ที่ผ่านมายังได้บุกไปถึงจีน เพราะเขามีนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Greater Bay Area เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั้ง กวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า เข้ามาเชื่อมต่อ พร้อมทั้งไปญี่ปุ่นคุยกับรัฐบาล ทุกอย่างมีการประชุมร่วม 2 ชาติ คือ ไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น จนในที่สุดจีน และญี่ปุ่นก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะมาลงทุนร่วมในประเทศที่ 3 ร่วมกัน คือใน EEC ของไทย แต่วันนี้เป็นยังไง ประชุมร่วมไปถึงไหน ยังไม่มีเลย”

 

ทั้งนี้ในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติของไทยนั้น เป้าหมายสำคัญคือ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักลงทุนกลุ่มใหญ่ของเอเชีย แต่เมื่อไม่มีการสานต่อ ก็ยังไม่รู้ว่าแนวทางต่อไปรัฐบาลจะเดินต่อยังไง และเมื่อโครงการ EEC เดินไปได้อย่างช้า ๆ ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเคยเป็นจุดขายที่สร้างขึ้นมาจูงใจนักลงทุนต่างชาติมาลงทุน

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีสัมมนาพรรค

 

แต่ล่าสุดเมื่อเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ต้นทุนแพง จึงน่าเป็นห่วงและน่าเห็นใจอย่างมากกับโครงการเหล่านี้ เพราะถ้าโครงการ EEC ไม่สำเร็จ ก็อย่าไปหวังว่าโครงการอื่น ๆ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจภาคอื่น ๆ จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุน เพราะความเชื่อมันไม่มี และความเชื่อถือไม่มีแล้ว

“ตอนนี้ถนนทุกสายที่เคยจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตอนนี้ทุกสายเลี้ยวไปประเทศเวียดนาม กับอินโดนีเซียแล้ว หรือว่าไม่จริง ประเทศไทยตามหลังมาตลอด 5-6 ปีแล้ว ซ้ำร้ายในกลุ่มที่จะมาในไทย ส่วนใหญ่เป็นภาคบริการ แต่กลุ่มไฮเทคต่าง ๆ ไปเวียดนามหมดแล้ว ทั้ง ซัมซุง แอปเปิ้ล ฟ็อกซ์คอนน์ ส่วนการเมืองระหว่างประเทศถนนทุกสายไปที่อินโดฯ หมดแล้ว แล้วประเทศไทยอยู่ตรงไหน ถ้าเราตกขอบ ตกจอเรดาร์โลก การลงทุนใหม่ ๆ จะไม่มาที่ไทยแน่นอน” นายสมคิด ระบุ

 

นายสมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบอกว่าต้องเร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง แต่ทุกวันนี้ประเทศลาวสร้างเสร็จและเปิดใช้บริการแล้ว และพบว่า ล่าสุดมีนักธุรกิจไทยหลายคนไปลงทุนซื้อที่ดิน เพื่อสร้างคลังสินค้าเพื่อส่งสินค้าไปกับรถไฟความเร็วสูงขายที่เมืองคุนหมิง ของจีน   

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปข้างหน้า เห็นว่า หลายอย่างยังคงมีความยากลำบาก ทั้งการลงทุน ท่องเที่ยว เช่นเดียวกับดัชนีความสามารถทางการแข่งขันตกฮวบ ที่ผ่านมาเคยประชุมคณะกรรมการ Doing Business เพื่อบี้งานทุกเดือน จนอันดับเพิ่มขึ้น แต่พอวันนี้ หล่นมา 5-6 อันดับ เศรษฐกิจ ล่นลงมา 13 อันดับ รัฐบาลหล่นลงมา 11 จุด ภายในปีเดียว เรื่องนี้ต้องโทษการเมือง และคิดแล้วน่าเสียใจและเสียดายจริง ๆ

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย บนเวทีสัมมนาพรรค