"SHARGE" ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 ลุยติดตั้ง EV Charger คอนโดทั่วประเทศ

06 ก.ค. 2565 | 19:11 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2565 | 02:11 น.

"SHARGE" ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 ลุยติดตั้ง EV Charger คอนโดทั่วประเทศภายใต้แคมเปญ SHARGE ปลดล็อค พลิกโฉมพลังงานสะอาดในที่อยู่อาศัย

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินโครงการ SHARGE ปลดล็อค เปิดให้ผู้พัฒนาโครงการ (Developer) บริษัทบริหารอาคาร (Property Management Company) เจ้าของร่วม คอนโดมิเนียมทุกแห่งทั่วประเทศ ร่วมติดตั้ง EV Charger ในโครงการของตัวเองกับ SHARGE โดย SHARGE จะเป็นผู้ลงทุนติดตั้ง EV Charger แบบ AC ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 ของภาครัฐ ที่ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ หรือ Zero Emission Vehicle (ZEV) ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ.2030 หรือมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถยนต์นั่งและรถกระบะ ปีละประมาณ 725,000 คัน 

 

โดยบริษัทประเมินว่า ประเทศไทยจะมีความต้องการ EV Charger จำนวนไม่น้อยกว่า 200,000-250,000 หัวชาร์จ เพื่อให้พร้อมรองรับปริมาณรถ EV จำนวนดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV อย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโตของจำนวนรถ EV ไทยในอนาคต

อย่างไรก็ดี การจะผลักดัน EV Ecosystem ของไทยให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ต้องเริ่มจากระดับครัวเรือน ให้ทุกคนรู้สึกว่ารถ EV และ EV Charger เป็นเรื่องเข้าถึงง่าย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลมีคอนโดมิเนียมขึ้นใหม่ราว 7 แสนยูนิต หากนับทั่วประเทศ น่าจะมีมากกว่า 1 ล้านยูนิต 

 

นายพีระภัทร กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้จับมือกับบริษัทบริหารนิติบุคคลอาคารรายใหญ่อย่างบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในการนำเสนอบริการติดตั้ง EV Charger ของ SHARGE ให้แก่ลูกค้าทั้งกลุ่มคอนโดมิเนียมและกลุ่มอาคารสำนักงานของพลัสพิจารณาเป็นรายแรก  

 

และต่อยอดด้วยการเป็นพันธมิตรกับ CBRE บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรระดับโลก ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างเจรจาพูดคุยกับบริษัทบริหารอาคารชั้นนำรายอื่นๆ เพิ่มเติม

 

พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด

 

ล่าสุด ได้นำเสนอให้โครงการคอนโดมิเนียมแล้วจำนวน 100 แห่ง ได้รับความสนใจติดตั้งในเบื้องต้นแล้วมากกว่า 600 หัวชาร์จ คาดว่าจะดำเนินการติดตั้งภายในปีนี้ประมาณ 300 หัวชาร์จ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสร้างเครือข่าย EV Charger ในที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 

ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ตลอดจนสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คน (Lifestyle Location) อีกกว่า 80 แห่ง

การผลักดันให้คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ตลอดจน Lifestyle Location ทุกแห่งเร่งติดตั้ง EV Charger ถือเป็นการร่วมขับเคลื่อนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถเครื่องยนต์สันดาป ช่วยให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้รถ EV 

 

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยหากชาร์จไฟฟ้าจากหัวชาร์จในคอนโดมิเนียมของ SHARGE จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางอยู่ที่ประมาณกิโลเมตรละ 1.7 บาท ถูกกว่าการเติมน้ำมันในปัจจุบันประมาณครึ่งหนึ่ง

 

โดยปัจจุบัน ในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา มีการส่งเสริมให้ติดตั้ง EV Charger ในที่อยู่อาศัยอย่างจริงจังแล้ว