“กรณ์” สอนมวยรัฐแทรกแซงราคาน้ำมัน ดึงเงินกู้โควิดโปะกองทุน

16 มิ.ย. 2565 | 06:01 น.

“กรณ์ จาติกวณิช” สอนมวยรัฐแทรกแซงราคาน้ำมันได้ แนะใช้กลไกกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงพลังงาน เข้าไปจัดการ ค่าการกลั่น หรือดึงกำไรส่วนต่างราคาหน้าโรงกลั่น ชงทบทวนการใช้เงินกู้โควิดโปะกองทุนน้ำมัน ดีกว่าทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็น

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลสามารถเข้าไปแทรกแซง (interfere) ในเรื่องเกี่ยวข้องกับราคาค่าน้ำมันได้ ทั้งลดค่าการกลั่นน้ำมัน หรือการเก็บเงินจากกำไรส่วนต่างราคาหน้าโรงกลั่น เพื่อเป็นทางเลือกในการเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตอนนี้ขาดทุนเกือบแสนล้านบาท 

 

“ในหลักการรัฐบาลมีความชอบธรรมในระบบการค้าเสรีที่จะแทรกแซงราคาสินค้าที่มีความจำเป็นกับค่าครองชีพของประชาชนได้ ซึ่งการแทรกแซงนั้น ส่วนใหญ่จะถูกเข้าใจว่าเป็นเรื่องในด้านลบ แต่จริงๆ อยากให้ดูภาระหน้าที่ หากจำเป็นและได้คนประโยชน์ก็ต้องทำ ซึ่งตอนนี้คงไม่มีเรื่องไหนสำคัญไปกว่าเรื่องน้ำมันอีกแล้ว และบางสินค้ารัฐก็ทำอยู่แล้วทุกวัน” นายกรณ์ ระบุ

 

นายกรณ์ กล่าวว่า ในการแทรกแซงนั้น หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความสำคัญ ก็ต้องไปดูวิธีการต่าง ๆ ว่าจะทำได้อย่างไร เช่น การใช้กลไกการของกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงพลังงาน หรือไปดูกฎหมายเฉพาะ ซึ่งวิธีการต่าง ๆ ก็ต้องไปพิจารณากันอีกที

 

ส่วนจะแทรกแซงมากแค่ไหนก็ต้องไปดูความเหมาะสม และต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย

ทั้งนี้ในตัวอย่างของการเข้าไปแทรกแซงการเก็บเงินจากกำไรส่วนต่างของราคาหน้าโรงกลั่น เรื่องนี้จำเป็นต้องทำ ซึ่งที่ผ่านมาได้คิดตัวเลขมาดีและครอบคลุมทุกอย่างแล้ว แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่เท่านั้น หากรัฐบาลตัดสินใจทำ ก็อาจทำแบบชั่วคราวให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก และไม่ให้กระทบกับโรงกลั่นน้ำมันมากเกินไป 

 

อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอีกอย่างที่อาจเกิดขึ้น หากรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง หรือมีการคิดเพดานกำไรการกลั่นมากไป จนทำให้โรงกลั่นส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะมีกำไรมากกว่านั้น รัฐบาลก็ควรหาทางควบคุมผ่านการกำหนดโควตาการส่งออกน้ำมันกับทางโรงกลั่นได้ เหมือนที่หลายประเทศที่มีมาตรการควบคุมในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้น้ำมันในประเทศขาดแคลน

 

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีของสถานะกองทุนน้ำมันฯ ว่า ความเป็นไปได้ที่ปีนี้กองทุนน้ำมันฯ อาจจะติดลบเกินกว่า 2 แสนล้านบาท ภายในอีก 5 เดือนข้างหน้า หากรัฐบาลยังไม่สามารถหาเงินกู้มาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันได้ เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และทุกเดือนรัฐบาลต้องใช้เงินกองทุนไปอุ้มราคาน้ำมันถึงเดือนละ 2 หมื่นล้านบาท

“เท่าที่ทราบในตอนนี้กองทุนน้ำมันฯ พยายามหาแหล่งกู้เงินมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ เพราะไม่มีแบงก์ไหนกล้าปล่อย ซึ่งส่วนตัวมองว่า ด้วยความจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลควรทบทวนการใช้เงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงินที่มีวงเงินเหลืออยู่มาใช้เสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งน่าจะทำได้ และน่าจะดีกว่าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจบางโครงการที่ไม่ได้มีความจำเป็น” นายกรณ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการอุดหนุนราคาน้ำมันว่า แท้จริงแล้วมีความจำเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะการเข้าไปอุดหนุนราคาแบบหว่านแห โดยอาจต้องชวยเหลือเฉพาะกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันจริง ๆ เช่น กลุ่มขับรถสาธารณะ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มอเตอร์ไซค์ส่งของเดลิเวอรี่ ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันเบนซิน เพื่อเอาไปอุ้มกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซลด้วย