ม.มหิดล ชี้ทางรอด “พลังงาน-อาหารแพง” ต้องทำอย่างไร

03 มิ.ย. 2565 | 08:27 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มิ.ย. 2565 | 15:30 น.

ม.มหิดล ชี้ทางรอดไทยในภาวะ “วิกฤตซ้ำซ้อน” โควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน พลังงานพุ่ง อาหารแพง เศรษฐกิจทรุด คนตกงาน ต้องทำอย่างไร

การเผชิญ “วิกฤตซ้ำซ้อน” หลังการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ซ้ำเติมด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้เกิดวิกฤติพลังงาน วิกฤติอาหารโลกซ้อน ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ดี คนตกงาน อาหารแพง ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นประชาชน ผู้ประกอบการจะทำอย่างไร เพื่อให้อยู่รอด

 

รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงเสาวคนธ์ รัตนวิจิตราศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายบริหารจัดการ กล่าวว่า "วิกฤตซ้ำซ้อน" พลังงาน-อาหารแพงโลก ที่ส่งผลกระทบสูงสุดต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในรอบทศวรรษที่ผ่านมาว่า เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเริ่มวิกฤต COVID-19

 

ภาวะวิกฤต "เศรษฐกิจไม่ดี คนตกงาน อาหารแพง" ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากวิกฤตโรคระบาด ถูกซ้ำเติมด้วยสงครามของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และธัญพืชรายใหญ่ของโลก ทำให้น้ำมันขาดแคลนราคาพลังงานที่แพงลิ่ว

 

"กลายเป็นเหตุให้ต้นทุนการขนส่งและปัจจัยการผลิตราคาสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ราคาอาหารและสินค้าทุกอย่างแพงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับหลายประเทศห้ามการส่งออกอาหารบางประเภท เกิดเป็นวิกฤตอาหารแพงซ้อนเข้ามา

 

ขณะที่ประเทศไทยยังมีคนตกงานจำนวนมาก ค่าแรงขึ้นไม่ทัน และธุรกิจก็มีความลำบากในการแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นจึงเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง"

รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงเสาวคนธ์ รัตนวิจิตราศิลป์

วิกฤตซ้ำซ้อนนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของโลก จากเหตุภาวะโลกร้อน สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด วิถีชีวิตเปลี่ยนทั้งหมดนี้จึงเป็นสัญญาณว่าทุกภาคส่วนต้องปรับตัว พร้อมๆกับสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยเพื่อการตั้งรับต่อไปอย่างยั่งยืน

 

ดังนั้นจึงเสนอให้ภาครัฐมองให้กว้างไกลกำหนดนโยบายและสร้างระบบที่แข็งแกร่งไว้รองรับ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามศาสตร์พระราชา "เศรษฐกิจพอเพียง"

 

 

โดยมองเริ่มต้นจากการพัฒนาการเกษตร ซึ่งเป็นหัวใจของชาติ ให้เป็นเกษตรที่หลากหลาย แทนที่จะเป็นเกษตรเชิงเดี่ยว นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น ผนวกกับการวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างนวัตกรรมทางการเกษตรที่ลดการพึ่งพิงปุ๋ยเคมี และสารเคมีต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดการนำเข้า และเกิดการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

ด้านปัญหาวิกฤตพลังงาน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน เสนอให้รัฐเร่งรัดผลักดันให้มีการใช้พลังงานทางเลือกอย่างจริงจังและแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ควรค่าแก่การลงทุน เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในพื้นที่โลกที่สามารถใช้พลังงานจากแสงแดดได้อย่างไม่จำกัด

 

นอกจากจะให้การสนับสนุนในลักษณะของการอุดหนุนทางภาษี ยังควรเน้นการขับเคลื่อนทางนโยบายทั้งระบบ โดยให้สถาบันอุดมศึกษา และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกับภาคธุรกิจขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาการผลิต และการใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นรูปธรรมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การขนส่ง การผลิต สำนักงานและครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการใช้พลังงานถูกลงได้ในที่สุด

 

“แม้พิษเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 จะส่งผลให้คนตกงาน ของแพง และมีความยากลำบากเกิดขึ้นตามมามากมาย การปรับตัวใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขวนขวายหาความรู้ ฝึกฝนทักษะที่หลากหลาย ไม่ย่อท้อต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยและไม่ประมาทกับชีวิตตลอดจนรักษาสุขภาพกายและใจ”