ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนางคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

09 พ.ค. 2565 | 12:18 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2565 | 20:42 น.

“ปลัดเกษตรฯ” ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา ปี 2565 แจงทุกฝ่ายมีความพร้อมจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซ้อมใหญ่ ณ ท้องสนามหลวง

พระยาแรกนา

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 06.30 น. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดการซ้อมใหญ่งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน) ณ ท้องสนามหลวง โดยมี นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา

 

โดยมี เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ นางสาวณัฐชยา ศรีสุขสวัสดิ์ นักวิชาการปฏิรูปที่ดินชำนาญการพิเศษ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นางสาวอาทิตยา ทองแกมแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ นางสาวกันยารัตน์ เศวตนันทิกุล นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

นางสาวชลธิชา ทองอ่อน นายสัตวแพทย์ชำนาญการ กรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายต่าง ๆ ทั้งในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพระราชวัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เข้าร่วมในการซ้อมใหญ่ดังกล่าว

ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนางคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

โดยขณะนี้ทุกฝ่ายมีความพร้อมในการจัดงานพระราชพิธีฯ ซึ่งจะให้มีขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่จะถึงนี้ ตามฤกษ์พิธีไถหว่าน ระหว่างเวลา 08.19-08.49 น.งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีที่สืบเนื่องมาแต่โบราณมีความงดงาม และมีความหมายต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพการทำนาและผู้ประกอบอาชีพการเกษตร

 

นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา เปิดเผยว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือที่นิยมเรียกว่า พิธีแรกนา กำหนดจัดขึ้นในราวเดือนหกของทุกปี หรือเดือนพฤษภาคมที่มีฤกษ์ยามที่เหมาะสมต้องตามประเพณีให้จัดขึ้นในเวลานั้นอันถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนคนไทย

 

ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนางคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

 

เพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญเกษตรกรให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก ทั้งนี้ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญได้สืบทอดมายาวนาน ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี และได้กระทำเต็มรูปบูรพประเพณีครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2479 เว้นไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ฟื้นฟูพระราชประเพณีนี้ขึ้นใหม่และได้กระทำติดต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนางคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

เว้นแต่ปี พ.ศ.2563-2564 ซึ่งประเทศไทยประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มิได้จัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพิธีหว่านข้าวในแปลงนาทดลองสวนจิตรลดา

 

“สำหรับในปีนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีความพร้อมในการจัดงานพระราชพิธีฯ ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยการลดจำนวนผู้เข้าร่วมพระราชพิธีพิธีลง 50% มีการเว้นระยะห่าง ตรวจคัดกรองโรคในวันงานอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนรับชมการถ่ายทอดพระราชพิธีฯ ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป

 

ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสามารถลงทะเบียนขอรับพันธุ์ข้าวพระราชทานได้ที่ https://rice.moac.go.th/

 

ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนางคัลแรกนาขวัญ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

 

ในการเตรียมงานพระราชพิธีฯ ในปี 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2565 และแต่งตั้งคณะทำงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2565 จำนวน 15 คณะโดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดและหน่วยงานภายนอกเป็นอย่างดียิ่ง เพื่อให้การดำเนินงานพระราชพิธีฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสมบูรณ์” ปลัดเกษตรฯ กล่าว

 

อนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคล เป็น“วันเกษตรกร” ประจำปีด้วย ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรร่วมกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพทางเกษตรกรรมซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความสำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศชาติ

 

นอกจากนี้ ในงานพระราชพิธีฯ ยังมีการมอบรางวัลและยกย่องประกาศเกียรติคุณให้แก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติประเภทต่าง ๆ รวมทั้งปราชญ์เกษตรของแผ่นดินที่ผ่านการคัดเลือก พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่างในแนวทางการปฏิบัติอีกด้วย