“หมูแพง” หลังสงกรานต์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ชี้ราคาตามตามกลไกตลาด

22 เม.ย. 2565 | 13:35 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2565 | 20:35 น.

อธิบดีกรมปศสัตว์ ชี้แจง สาเหตุ “หมูราคาแพง” หลังสงกรานต์ ชี้เป็นราคาตามกลไกตลาด อีกทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ น้ำมันที่ ต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าครึ่งปีหลัง ราคาสุกรคาดว่าจะปรับตัวลดลง

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต

 

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อออนไลน์ว่าราคาหมูพุ่งอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละมีการปรับขึ้นราคาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกกิโลกรัมละ 5 บาท โดยมีราคาจำหน่ายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มประจำวันพระที่ 16 เมษายน 2565 ที่กิโลกรัมละ 96-98 บาท และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ราคาสุกรมีชีวิตในประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่มีราคาระดับสูงที่สุดในโลก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและจากสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) นั้น

 

​อธิบดีกรมปศุสัตว์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคาสุกรที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากทวีปยุโรปซึ่งกำลังประสบปัญหาสภาวะสงครามในประเทศยูเครนซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารและน้ำมันที่สำคัญของโลกรวมทั้งประเทศไทย ต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในการทำระบบการป้องกันโรคระบาดในฟาร์ม

การพักคอกและการปรับปรุงเพื่อเตรียมความพร้อมระบบการเลี้ยงก่อนการนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ของเกษตรกรรายเล็ก รายย่อยส่งผลให้เกิดการขาดแคลนปริมาณเนื้อสุกรในตลาด ประกอบกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว รวมถึงปัจจัยด้านสภาพอากาศร้อนอาจทำให้สุกรเติบโตช้า ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

“หมูแพง” หลังสงกรานต์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ชี้ราคาตามตามกลไกตลาด

 

สถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลายจนกว่าผลผลิตสุกรรอบใหม่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง และราคาเนื้อสุกรจึงจะปรับราคาลดลง สำหรับสถานการณ์ของโรค ASF นั้น นับแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศไทยในวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จากการควบคุมและดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อเนื่องในทุกพื้นที่ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายดีขึ้น จนถึงปัจจุบันสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว

 

โดยกรมปศุสัตว์ได้กำหนดแนวทางฟื้นฟูเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย-รายเล็ก กำหนดหลักเกณฑ์การนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ และมีแผนการเพิ่มผลผลิตสุกรพันธุ์ดีเพื่อจำหน่ายให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต่อไป

 

ท้ายสุดนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่จะนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อตรวจประเมินระบบการป้องกันโรคของฟาร์มสุกร รวมทั้ง ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรในการเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคระบาดในสุกรเพื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัด ยกระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ กำจัดแมลงและสัตว์พาหะในฟาร์ม และขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากกรมปศุสัตว์

 

 ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการบริโภคเนื้อสุกรขอให้เลือกซื้อเนื้อสุกรที่มาจากแหล่งผลิตและผู้จำหน่ายที่ได้รับสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” และต้องนำมาปรุงสุกทุกครั้งก่อนการบริโภคเพื่อสุขอนามัยที่ดีและขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคเนื้อสุกร ไม่ต้องตื่นตระหนกกับข่าวสารที่มีข้อมูลไม่แน่ชัด หากพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์หรือประชาชนทั่วไปต้องการข้อมูลเกี่ยวกับภาคปศุสัตว์หรือสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ “DLD 4.0” หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง