แหล่งข่าวคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 10 ม.ค.65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่ ทำเนียบรัฐบาล จะมีเรื่องเพื่อทราบ อาทิ สถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กรมการค้าภายใน และกรมธุรกิจพลังงาน จะรายงานการใช้น้ำมันปาล์มทั้งระบบ ผลผลิต
นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม และโครงสร้างราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม และ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564-2565 ปัจจุบันราคาสูงกว่าราคาประกันแล้ว ชาวสวนก็เฉยในโครงการดังกล่าวนี้
แต่ที่จะมีปัญหาก็คือ เรื่องการทบทวนมาตรการนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ พิกัดอัตราศุลกากร 151190 ตามคำขอของรัฐบาล สปป.ลาว ไม่เห็นด้วย
1.การนำเข้าผ่านแดนโดยการขนส่งทางบก ซึ่งยากต่อการควบคุม ติดตาม กำกับดูแล ให้เกิดความเรียบร้อยเป็นไปตามจ้อตกลง เป็นเหตุให้เกิดการสวมสิทธิ์ สวมรอย ลักลอบน้ำเข้ามาโดยไม่ถูกต้องผิดประเภท และไม่ได้ส่งออกไปจริง ทำให้มีปัญหากับตลาดและปริมาณน้ำมันปาล์มภายในประเทศ
2.ประเทศไทยไม่ได้กีดกันการนำเข้าผ่านแดนน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียไปยังประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด เพียงแต่มีการปรับเงื่อนไขการนำเข้าให้ใช้ในการขนส่งทางเรือ ให้ใช้ท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุดและใช้ในการขนส่งทางบกต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าตามด่านที่กำหนด เพื่อเป็นการง่ายต่อการควบคุมกำกับดูแล และคล่องตัวในการขนส่ง มีระยะทางขนส่งที่ใกล้กว่า ใช้ในการขนส่งทางบกเพียง 625 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง มีผลต่อการลดระยะทางและต้นทุนการขนส่งอย่างเห็นได้ชัด
3.การกำหนดเงื่อนไขการขนส่งสินค้าเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่ออาชีพเกษตรกรในประเทศ เป็นวิธีปฎิบัติที่ทุกประเทศนำมาใช้กันอย่างปกติอยู่แล้ว เช่น ประเทศไทยต้องการส่งขายข้าวสังข์หยด จากภาคใต้ไปยังประเทศมาเลเซีย ต้องส่งจากท่าเรือมาบตาพุด ระยอง ไม่สามารถขนส่งผ่านทางบกไปยังประเทศมาเลเซียโดยตรงได้
ประเทศอินโดนีเซีย มีการกำหนดจุดนำเข้าสินค้าผักและผลไม้ ให้นำเข้าได้เพียง 4 แห่ง คือ สนามบินกรุงจาการ์ตา ท่าเรือเมดาน ท่าเรือเมืองสุรามายา และท่าเรือเมืองมากัสซาร์ ซึ่งทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายค่าขนส่งเพิ่มขึ้นในการนำสินค้าจากจุดนำเข้านั้นๆ มายังจาการ์ตา ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายและกระจายสินค้าที่สำคัญของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้รัฐบาลไทยควรเจรจาการคำกับ สปป.ลาว เพื่อเสนอขายน้ำมันปาล์มของประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้น้ำมันปาล์มของประเทศไทย ผลิตได้เกินความต้องการใช้ในประเทศ มีราคาใกล้เคียงกับน้ำมันปาล์มในตลาดสากล และสินค้าไทยมีคุณภาพ มีแบรนด์ มีภาพลักษณ์ทางการค้าที่ได้รับการยอมรับจากประเทศเพื่อนบ้าน
แหล่งข่าว กล่าวว่า หากวันนี้รัฐบาลยังดื้อดึง จะทำให้ราคาปาล์มตกต่ำแล้ว ชาวสวนปาล์มใต้ไม่มีวันยอม หากพรุ่งนี้มีมติขึ้นมา จะกำหนดการเคลื่อนไหวทันที
ด้าน นายสุวรรณ อ่องคณา ประธานสมาคมปาล์มน้ำมันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โพสต์ การนำเข้าผ่านแดน...เพื่อไปประเทศที่สาม เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว นั้น ปัจจุบันไทยอนุญาตให้ผ่านแดนได้โดยทางท่าเรือมาบตาพุด แล้วผ่านไปยังประเทศต่างตามด่านที่ระบุให้ผ่าน...เดิมมีการนำเข้าผ่านแดน ผ่านด่านสะเดา วิ่งผ่านสงขลา พัทลุง นคร สุราษฏร์ ชุมพร ประจวบ เพชรบุรี.แล้วต่อไปปลายทางพม่า ลาว เขมร
เป็นที่กังขากันมากว่า กรณีมีน้ำมันผ่านแดนตกหล่นภายในประเทศไทยจำนวนมาก..มีการกล่าวถึง รถแทงค์เกอร์ออกนอกประเทศเอาน้ำ...เปล่าไปเททิ้งที่ด่านต่างๆ และทำให้ปริมาณสต๊อคcpoในประเทศมีปริมาณท่วมทะลัก ทำให้ปาล์มทะลายมีราคาตกต่ำยาวนาน มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการรั่วไหลและเรียกร้องให้กำหนดด่านนำเข้า..ที่มีพื้นที่ไม่ให้เอื้อต่อการรั่วไหลของน้ำมันผ่านแดน..
สุดท้ายมีการกำหนดให้นำเข้าได้ทางด่านมาบตาพุดด่านเดียววันนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอให้อนุมัติเปิดด่านสะเดา เพื่อนำเข้าน้ำมันผ่านแดนอีกครั้ง โดยไม่คำนึงว่าจะเกิดปัญหาน้ำมันรั่วไหลในไทยอีก..เช่นอดีต
กระทรวงทำหน้าที่นี้..หมือนกับว่าไม่เคยมีการลักลอบใดๆในอดีต แต่การขอนำเข้าผ่านแดนจะต้องขอความเห็นชอบจาก กนป..ก่อน จึงนัดประชุม กนป..ในวันที่ 10มกราคม นี้ เราคนปลูกปาล์มจึงมีความจำเป็นที่จะต้องคัดค้านการนำเข้าผ่านแดนดังกล่าว ให้ กนป.ทราบว่า คนปลูกปาล์มทั่วไทย..ไม่เห็นด้วย และมิได้ยินยอมตามที่กระทรวงพานิชย์อ้างต่อ กนป ว่า..ตัวแทนเกษตรกรยินยอมให้นำเข้าผ่านแดนทางด่านสะเดา
จึงชวน คนปลูกปาล์มทั่วไทย..แสดงเจตนาให้กนป.ทราบว่า มิได้ยินยอมให้นำเข้าผ่านแดนทางด่านสะเดาตามที่ก.พานิชย์กล่าวอ้าง
เชิญขึ้นป้ายคัดค้าน.กันตามอัธยาศัย