“ช็อปดีมีคืน” กำลังจะมา สุพัฒนพงษ์ สั่งคลังรื้อโครงการต้นปี 65

15 พ.ย. 2564 | 15:17 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2564 | 22:20 น.
2.7 k

สุพัฒนพงษ์ เผยมอบนโยบายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณานำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้งานกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 65 ต่อเนื่องโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

นายสุพัฒนพงษ์  พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการมอบนโยบายให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำโครงการ"ช็อปดีมีคืน" กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งในช่วงต้นปี 2565 เพื่อให้สอดรับการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศต่อจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่จะสิ้นสุดโครงการในปลายปี 64 ซึ่งอาจยังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคเท่าที่ควรในการกระตุ้นให้เกิดความต้องการจับจ่ายใช้สอย เพราะความไม่สะดวกจากเงื่อนไขของโครงการ

 

ขณะที่ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนจากรัฐบาลนั้น เวลานี้ประเทศไทยก็ได้ดำเนินการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศโดยไม่ต้องกักตัว และการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรเพื่อให้สามารถเปิดประเทศดังกล่าวได้

 

หากดูจากข้อมูลทางเศรษฐกิจก็จะพบว่ามีการอุปโภคบริโภคในประเทศ รวมถึงการเคลื่อนไหว และการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือทุกคนในประเทศจะต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้โควิด-19 (covid-19) กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

“การเปิดประเทศได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ผ่านมา  แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตาเทศกาลลอยกระทงในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ว่ามาตรการของรัฐ รวมถึงเอกชน และประชาชนที่จะต้องช่วยกันนั้น จะสามารถควบคุมการแพร่ของโควิดได้ดีหรือไม่ เพื่อให้ต่อเนื่องไปยังเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึง  ซึ่งคาดว่าจะมีนักเท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก และมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในหลายภาคส่วนทั้งค่าที่พัก อาหาร ค่าเดินทาง เป็นต้น”

 

ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของ “ฐานเศรษฐกิจ” ในประเด็นเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ พบว่า ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ได้ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 ทั้งปีคาดจะขยายตัว 1.2% ตามกรอบบนที่คาดไว้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนปี 2565 คาดอัตราเติบโตที่ 4%

 

“จีดีพีปี 64 ที่ขยายตัว 1.2% เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากที่เคยลดลง 6.1% ในปี 63 ส่วนอัตราเงินเฟ้อปี 64 คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1.2%”