“จุรินทร์”เดินหน้าลุยโครงการประกันรายได้ปี3

05 ก.ย. 2564 | 15:07 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2564 | 22:27 น.

“จุรินทร์”พร้อมลุยต่อประกันรายได้ 3หลังนบข.เห็นชอบ หลังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น   ปลื้มตัวเลขส่งออก 7 เดือนแรกบวก 16.2% เกินเป้า 4 เท่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จับมือทำงานร่วมกันมาอย่างเป็นระบบภายใต้ เกษตรผลิตพานิชย์ตลาดและใช้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีการปรับปรุงพัฒนาระบบการผลิตและทำการตลาด 

“จุรินทร์”เดินหน้าลุยโครงการประกันรายได้ปี3

โดยมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ มีส่วนสำคัญในการช่วยพยุงรายได้ของเกษตรกร แม้บางช่วงราคาพืชผลเกษตรบางตัวจะตกต่ำบ้าง แต่ยังมีเงินส่วนต่าง ช่วยให้เกษตรกรได้รับเงินชดเชยทำให้มีรายได้ 2 ทางคือขายในตลาดและเงินส่วนต่าง เท่ากับรายได้ที่ประกัน

ในภาพรวมถือว่าราคาพืชเกษตรเกือบทุกตัวอยู่ในภาวะที่ถือว่าดี ยกเว้นบางตัว เช่น ปาล์มราคาดีมากขณะนี้กิโลกรัมละ 7 บาทกว่า ซึ่งเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วเหลือ 2 บาทกว่าเท่านั้น และข้าวโพดประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท บางช่วงที่ผ่านมาราคา 7-10 บาท

มันสำปะหลังประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท บางช่วง 2-2.70 บาท มีประเด็นเรื่องยางพารา ซึ่งยางมี 3 ชนิดเพราะยางแผ่นดิบ ชั้น 3 ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 60 บาท น้ำยางข้น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาทและยางก้อนถ้วยที่พี่น้องชาวอีสานทำกันมากประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 23 บาท แต่วันนี้ราคาประมาณ 24-25 บาท ถือว่าดีกว่าราคารายได้ที่ประกัน ที่ตกลงมาคือน้ำยางที่ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท แต่ลงมา 49-52 บาท เพราะน้ำยางตลาดใหญ่คือมาเลเซียไม่สามารถส่งไปเพราะติดโควิดโรงงานผลิตถุงมือยางปิดทำให้มาเลเซียแก้ปัญหาโควิดอยู่ การส่งออกไปลำบากและโรงงานผลิตถุงมือยางในไทยติดโควิดกำลังการผลิตแทนที่จะเต็ม 100 เหลือเพียง 50% มี

สำหรับตลาดส่งออกยางพารา ถือว่าประสบความสำเร็จมากเพราะในภาพรวมเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทำได้ถึง +121% สำหรับผลิตภัณฑ์ยาง ถือว่าตลาดต่างประเทศยังดีอยู่  ซึ่งถือว่าการส่งออกที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดยุคหนึ่ง แม้ไทยจะเจอวิกฤติโควิด แต่ส่งออกภาพรวม7 เดือนสามารถทำตัวเลขเป็นบวกได้ถึง 16.2% มากกว่า 4 เท่าของเป้าที่ 4% ทำรายได้แล้ว 7 เดือนถึง 7.4 ล้านล้านบาท และในวันนี้(5กันยายน)กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เข้าถวายข้าวสาร จํานวน 5,000 ถุง แด่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เพื่อส่งมอบให้วัดทั่วประเทศ

สำหรับโครงการประกันรายได้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอประกันรายได้ปี 3 แล้วผ่านที่ประชุม นบข.แล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหลักเกณฑ์เหมือนปี 1 และปี 2 ทุกอย่างรวมถึงการประกันรายได้ ผ่านที่ประชุมเตรียมเข้า ครม. ยังมีข้าวโพดประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท หลักเกณฑ์เหมือนเดิมทุกอย่างเตรียมเข้า ครม.เหมือนกัน ที่เหลือคือปาล์มน้ำมันยังไม่ได้เสนอเพราะประกันรายได้ปี 2 ยังไม่จบ ถ้าจบเมื่อไหร่จะเร่งเสนอขณะนี้ราคาปาล์มเกินกว่าราคาที่ประกันแล้ว ก็ยังเสนอเผื่อวันไหนราคาตกจะได้มีเงินส่วนต่างและที่จะต้องดำเนินการต่อไปคือยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งดำเนินการและจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป ส่วนพืชผลเกษตรตัวอื่นเช่น ผลไม้จะมีมาตรการอื่นที่ไม่ใช่ประกันรายได้แต่เป็นมาตรการเชิงรุกและเราแก้ปัญหาทุกอย่างทันท่วงที ถือว่าผลไม้ในภาพรวมโดยเฉลี่ยยังถือว่าดีมากยกเว้นบางช่วงเช่นมังคุดปักษ์ใต้ที่มาออกช่วงโควิดทำให้ล้งไปรับซื้อไม่ได้แต่ที่เหลือถือว่าตัวเลขดีมากขยายตัวดีมาก ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าดี