คพ.ตั้งเครือข่ายเฝ้าระวัง ลักลอบทิ้งของเสียอันตราย!

09 ก.ย. 2562 | 14:14 น.
1.1 k

 

คพ.สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

 

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดสมุทรสาครยังคงประสบปัญหามลพิษต่างๆได้แก่ ปัญหาลักลอบทิ้งน้ำเสีย มลพิษทางอากาศ กากของเสียและสารเคมีอันตราย และเรื่องร้องเรียนจากกิจกรรมของโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่าในจังหวัดสมุทรสาครมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่จำนวน 2 แห่ง และมีโรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็กตั้งอยู่ จำนวนมากกว่า 6,000 แห่ง ซึ่งปัจจุบันได้มีการตั้งโรงงานจนเต็มพื้นที่แล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามจากผู้ประกอบการเสนอขอขยายผังเมืองเพื่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่เพิ่มเติมอีก

คพ.ตั้งเครือข่ายเฝ้าระวัง  ลักลอบทิ้งของเสียอันตราย!

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในจ.สมุทรสาคร ในระหว่างปี 2559-2562 พบว่ามีเหตุลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายเกิดขึ้นจำนวน 9 ครั้ง ไม่นับรวมเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับมลพิษด้านอื่น ๆ

 

นายประลอง  กล่าวว่า ตามนโยบายท่านรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายวราวุธ ศิลปอาชา ) ที่ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหามลพิษจากการลักลอบทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และกากของเสียอันตราย เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน คพ. จึงได้ดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการเฝ้าระวังติดตามปัญหามลพิษจากการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่เสี่ยงให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการ อาสาสมัคร และประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินงาน และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังป้องกัน และแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตราย ได้แก่ การติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหามลพิษจากการลักลอบทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และกากของเสียอันตรายในพื้นที่เสี่ยงทั้งในระดับจังหวัด และระดับชุมชนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

คพ.ตั้งเครือข่ายเฝ้าระวัง  ลักลอบทิ้งของเสียอันตราย!

  คพ.จะเร่งให้ความรู้ความเข้าใจแก่เครือข่ายและประชาชน ซึ่งจะทำในพื้นที่ที่มีปัญหาการลักลอบทิ้งขยะของเสียอันตรายทั่วประเทศ โดยในปีนี้กำหนด 5 แห่ง ซึ่งจังหวัดสมุทรสาครเป็น 1 ใน 5 และจะทยอยทำไปเรื่อยๆ ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ นายประลอง  กล่าว