เปิด 4 เหตุผล ปรับ ครม. “เศรษฐา”เลิกควบคลัง

17 มี.ค. 2567 | 09:00 น.
15.2 k

เปิด 4 เหตุผล ปรับ ครม. “เศรษฐา” เลิกควบคลัง : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย....กาแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,975

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับ 3,975 ระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม 2567 โดย...กาแฟขม

*** กระแสปรับครม.กระหึ่มตั้งแต่ผ่าน 6 เดือน ครม.เศรษฐา 1 ที่คาดการณ์ต้องปรับครม.เร็วๆ นี้แน่ ด้วยเหตุ 3-4 ประการ 1.ครม.ว่างอยู่ในบางตำแหน่งตั้งแต่ต้นที่เริ่มตั้งครม.ชุดนี้ 2.การบริหารของรัฐบาลยังรีดประสิทธิภาพการทำงานออกมาไม่เต็มที่ โดยเฉพาะผลงานด้านเศรษฐกิจ

 

3.การที่นายกฯ ควบรมว.คลังไปด้วย ทำให้งานไม่รื่นไหลในตำแหน่ง รมว.คลังอย่างเต็มที่ 4.ว่ากันว่าเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เริ่มขยับอย่างเต็มกำลัง และทุกคนรู้ดีว่าต้องเร่งมือทำงาน ระบบการตอบแทน ระบบโควต้า หรือ พรรคพวกได้หมดลงในระยะ 6 เดือนแรกผ่านไปแล้ว

นายกฯงานติด ๆ ขัดๆ ในการควบกับรมว.คลัง ด้วยว่าที่จริงแล้วก็เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกฯ ควบรมว.คลัง โดยปกติไม่ค่อยมีประเทศไหนทำกัน ด้วยเหตุขุนคลังผู้บริหารเศรษฐกิจหลักนั้น เขามีไว้ด่า ไว้รองรับปัญหา ไว้กลั่นกรองบางเรื่องที่ไม่ต้องการให้ผ่าน

เมื่อนายกฯ ควบรมว.คลัง ทุกอย่างเลยไปถึงตัวนายกฯ ที่ถูกนินทากันทั้งบางว่า มัวแต่เดินสายต่างประเทศ ฉนั้นจำต้องปรับ เศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งรมว.คลังในคาบนี้ แว่วว่าจะไปลากเอา พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบันนี้ เข้ามาเป็นขุนคลังแทน 

*** พิชัย ดีกรีไม่ธรรมดา ในแวดวงธุรกิจพลังงาน ตลาดเงิน ตลาดทุน อดีตเป็นผู้บริหารระดับสูง และเป็นบอร์ดบริหารบริษัทพลังงานใหญ่ในอดีตหลายบริษัท มือทำดีล มือเจรจาแก้หนี้ แฮร์คัตปรับโครงสร้างหนี้ให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ทำงานเบื้องหลัง เบื้องลึก ช่วยงานทั้งรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์มานาน

ก็ต้องดูกัน มืออาชีพ มือบริหาร มือเก๋า เมื่อเข้าเป็นรัฐมนตรีตัวจริง จะบังคับบัญชาบริหารข้าราชการให้เร่งรัดทำตามนโยบาย หรือ มีลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาจัดการอะไรต่ออะไรที่ติดๆ ขัดๆ หรือไม่ ต้องไม่ลืม พิชัย ปีนี้ 75 ขวบปีเข้าไปแล้ว

                          เปิด 4 เหตุผล ปรับ ครม. “เศรษฐา”เลิกควบคลัง

*** คราวก่อนว่าด้วยเรื่อง ปรับ ครม. โฟกัส ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศไปแล้วว่า ผลงานดี ที่มิควรปรับและทำงานหนักกว่าใครใน ครม. แต่ที่เข้าตาแจ่มแจ๋วมากเป็นงานและเด่นสุดๆ ไม่น้อยหน้าใคร กลับเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ อย่าง พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่โฟกัสถูกจุด มีวิสัยทัศน์ บริหารเป็น

ปะหน้ากันวันก่อนเล่าให้ฟังถึงงานที่ทำ และจะทำ วางทางเดินไว้ก้าวไกล อย่างน้อยๆ รัฐมนตรีปุ้ยทราบดีว่า สินค้าที่เราผลิตกำลังมีปัญหา ถูกสินค้าถูกๆ มีมาตรฐาน ไม่มีมาตรฐานบ้างจากเพื่อนบ้านที่ไม่ไกลกันนัก เข้าตีตลาด จึงกำชับกำชา ให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไปไล่เรียงดู ในการกำหนดมาตรฐานให้รัดกุมรอบคอบเป็นสากล ประเภทถูกๆ ห่วยๆ จะเข้ามาไม่ง่ายนักแล้วต่อจากนี้ 

ที่น่าสนใจไม่น้อยกลับเป็นเรื่องเมกะเทรนด์ อย่างโรงงานสีเขียวที่ตั้งใจจะช่วยเอสเอ็มอีอย่างเต็มที่ เพราะรู้ดีว่าเราเป็นห่วงโซ่อุปทานสำคัญ ถ้าเราไม่ผลิตสินค้าโดยใช้พลังงานสะอาด ถ้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมยังปล่อยมลพิษ ก๊าซเรือนกระจกในอัตราสูง เราจะไม่สามารถส่งออกได้ งานนี้ต้องร่วมมือกับหลายฝ่าย รัฐมนตรีก็ได้คิดเอาไว้แล้ว เพียงแต่ต้องประสานและอาศัยหลายองคาพยพ เข้ามีส่วนร่วมในการผลักดันโรงงานสีเขียวให้เกิดขึ้นให้ได้

*** ที่จะทำต่อไปสำหรับการช่วยเหลือ เอสเอ็มอี ต้องมีความรู้คู่กับเงินทุน ให้ปรับตัวได้สอดรับกับกติกาของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยในส่วนของแหล่งทุนมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ ช่วยเติมสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี ขณะที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อมก็กำลังจะดำเนินการออกแพคเก็จสินเชื่อภายใต้ชื่อ เงินติดปีก ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยการออกใบการันตีให้กับผู้ประกอบการ เพื่อไปยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่อไป

พร้อมกับดึงแหล่งทุนก้อนใหญ่จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ซึ่งจะมีหลากหลายแพคเก็จสินเชื่อในการดูแลผู้ประกอบการ โดยจะขอครม.เพิ่มกรอบวงเงินกู้สูงสุดเป็น 100 ล้านบาท จากเดิม 50 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี ดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนาน 15 ปี ปลอดเงินต้น 24 เดือน

                          เปิด 4 เหตุผล ปรับ ครม. “เศรษฐา”เลิกควบคลัง