new-energy

"เอ็กโก" จ่อลงทุน 8,000 ล้าน ดันพอร์ตไฟฟ้าสีเขียวสู่เป้า 30%

    เอ็กโก ลุยประมูลรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว (RE Big Lot) รอบ 2 ดันโซลาร์ฟาร์มกว่า 10 โครงการ กำลังผลิตราว 550 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 1.3 หมื่นล้านบาท สู่เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 30% ภายในปี 2573

วันที่ 8 ตุลาคม 2537 ที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) หรือไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ของรอบแรก ที่เปิดรับซื้อไฟฟ้าไปแล้วราว 4,852.26 เมกะวัตต์ โดยกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะกับกลุ่มผู้ที่เคยยื่นข้อเสนอผลิตไฟฟ้าเฟส 1 รอบแรก แต่ไม่ได้รับการพิจารณา

การเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวครั้งนี้ แบ่งเป็นประเภทพลังงานลม 600 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 1,580 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 2,180 เมกะวัตต์ รวมจำนวนผู้เสนอขายไฟฟ้า 198 รายซึ่งได้ผ่านเกณฑ์ความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นตํ่า (Pass/Fail Basis) และได้รับการประเมินความพร้อมตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพ (Scoring)

กำหนดให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก ต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายในปี 2569-2573 มีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ที่ 25 ปี อัตรารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลมอยู่ที่ 3.1014 บาทต่อหน่วย และไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มอยู่ที่ 2.1679 บาทต่อหน่วย โดยจะประกาศรายชื่อผู้ที่ชนะการประมูลภายในเดือนธันวาคม 2567 นี้

ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว ถือเป็นการขับเคลื่อนภาคพลังงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการจัดหาแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อรองรับนักลงทุนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับให้ผู้สนใจยื่นขอใช้บริการ

\"เอ็กโก\" จ่อลงทุน 8,000 ล้าน ดันพอร์ตไฟฟ้าสีเขียวสู่เป้า 30%

ดร.จิราพร  ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เอ็กโกได้ปรับเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวใหม่ที่ท้าทายและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทชั้นนำของโลก

โดยขยับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 ปี จากปี 2593 (ค.ศ. 2050) เป็น 2583 (ค.ศ. 2040) และเพิ่มเป้าหมายระยะยาวใหม่ ที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)

ขณะที่ระยะสั้นนั้นมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้า ที่ผลิตได้ลง 10 % และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ปัจจุบันเอ็กโกมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นจากการลงทุนใน 8 ประเทศอยู่ที่ 6,993 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 6,717 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 276 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,437 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด ทั้งจากชีวมวล พลังนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่งเซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่

ล่าสุดจากที่ กกพ.ประกาศรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวดังกล่าว เอ็กโกมีความพร้อมและจะเข้าร่วมโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินหรือโซลาร์ฟาร์มกว่า 10 โครงการ รวมกำลังผลิตประมาณ 550 เมกะวัตต์ จากรอบแรกที่ผ่านเกณฑ์คะแนนความพร้อมด้านเทคนิคขั้นตํ่า (Pass/Fail Basis) ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างพอร์ตโฟลิโอของพลังงานหมุนเวียนให้เพิ่มมากขึ้นไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

“การประมูลรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวครั้งนี้ EGCO Group เชื่อมั่นว่าจะได้รับการพิจารณา เพราะมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการบริหารโครงการมาอย่างยาวนาน ประกอบกับมีพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ที่แข็งแรงและมีประสบการณ์

รวมทั้งมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ในการพัฒนาโครงการ ที่จะช่วยส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสูง ซึ่งการลงทุนกว่า 10 โครงการคาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท โดยแต่ละโครงการเอ็กโกจะมีพันธมิตรร่วมลงทุนอยู่ราว 25-50 % ซึ่งประเมินเบื้องต้นอาจจะใช้เงินลงทุนของเอ็กโกราว 7,000-8,000 ล้านบาท”

ดร.จิราพร กล่าวอีกว่า สำหรับการจะได้มาซึ่งกำลังผลิตจากการยื่นเสนอขายไฟฟ้าสีเขียวครั้งนี้ จะส่งผลให้ในปีนี้เอ็กโกเข้าใกล้เป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมที่ 1,000 เมกะวัตต์ต่อปี รวมถึงเพิ่มสัดส่วนพลังานหมุนเวียนเข้าใกล้เป้าหมายที่ 30 % ในปี 2573 อีกด้วย ซึ่งในปี 2568 เอ็กโกยังจัดสรรเงินลงทุนอยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการไฟฟ้าสีเขียวในครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ กกพ. ยังมีโควตาเหลือจากโครงการไฟฟ้าสีเขียวดังกล่าว ซึ่งจะเปิดเชิญชวนรับซื้อทั่วไปอีกประมาณ 1,488.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 400 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์ม 1,052 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (นํ้าเสีย/ของเสีย) 6.50 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เอ็กโกเข้าร่วมประมูลหรือเสนอขายไฟฟ้าได้อีกในระยะอันใกล้นี้