climatecenter

ศาลสั่งกรมโยธายกเลิกโครงการเขื่อนริมทะเลม่วงงาม ชี้กระทบทรัพยากร

    ศาลปกครองสงขลามีคำสั่งให้ยุติโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลในพื้นที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา พร้อมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและฟื้นฟูชายหาดคืนสภาพเดิม หลังพบว่าโครงการไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป

วันที่ 25 ธันวาคม ศาลปกครองสงขลาได้มีคำพิพากษาสั่งยกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลและปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ชายฝั่ง หมู่ที่ 7 ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา รวมถึงโครงการในระยะที่ 2 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งหมู่ที่ 7, หมู่ที่ 8, และหมู่ที่ 9 ต.ม่วงงาม โดยสั่งให้กรมโยธาธิการและผังเมืองยุติโครงการและดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ พร้อมปรับสภาพชายหาดกลับคืนสู่ธรรมชาติภายใน 60 วัน หลังคดีสิ้นสุด

คำพิพากษาครั้งนี้มีขึ้นหลังจากประชาชนในพื้นที่จำนวน 5 ราย ร่วมกันยื่นฟ้องกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า และผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ต่อศาลปกครอง โดยอ้างว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่

ศาลพิจารณาเอกสาร หลักฐานภาพถ่าย และการตรวจสถานที่พบว่า แม้วัตถุประสงค์ของโครงการจะเป็นการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อให้ชายฝั่งมีความสวยงาม แต่พื้นที่ชายฝั่งบริเวณดังกล่าวมีการกัดเซาะในระดับต่ำและสามารถฟื้นตัวได้ตามธรรมชาติ โครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตแข็งแบบขั้นบันไดจึงไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหาของพื้นที่

ศาลยังระบุว่า การดำเนินโครงการนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ได้สัดส่วนและเกินความจำเป็น โดยส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของชายหาดมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ ทั้งยังเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งขัดต่อหลักการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ

คำพิพากษายังยืนยันว่า การสร้างเขื่อนคอนกรีตในพื้นที่ที่การกัดเซาะไม่รุนแรงถือเป็นการดำเนินมาตรการที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อหลักความได้สัดส่วน การดำเนินโครงการจึงถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ ศาลได้ให้คำสั่งที่เคยออกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งระงับการดำเนินโครงการไว้ชั่วคราว มีผลต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ประชาชนในพื้นที่ที่เป็นโจทก์ในคดีนี้ต่างแสดงความพอใจต่อคำพิพากษา โดยให้เหตุผลว่าโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อย่างมาก

การตัดสินของศาลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการพัฒนาต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ

 

สำหรับประชาชนและผู้สนใจ สามารถอ่านคำพิพากษาฉบับเต็มได้ที่ ลิงก์นี้