นางสาวน้ำเพชร ทิพย์อักษร ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท กล่าวว่า โรงแรมแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารของ IHG ซึ่งมีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนสอดคล้องกับเจ้าของโรงแรม ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการลดก๊าซเรือนกระจก
นอกจากการบริหารงานโรงแรมระดับ 5 ดาวแล้ว โรงแรมยังคำนึงการมอบประสบการณ์ที่ดีใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลชุมชนท้องถิ่น รวมถึงการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้น โดยได้รับการรับรองจาก LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) หน่วยงานชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมอบรางวัลระดับ Gold ให้โรงแรม
LEED ครอบคลุมตั้งแต่การวางรากฐานเริ่มต้น เช่น การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการจัดสรรพื้นที่อาคารที่มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นและเพิ่มทางลมลดความร้อน โรงแรมใส่ใจทุกรายละเอียดด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โรงแรมและชุมชนได้ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน IHG มีโรงแรมภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัล 8 แห่งในประเทศไทย โดยอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ถือเป็นแห่งเดียวในโลกที่ได้รับรางวัลมิชลินคีย์ระดับ 2 กุญแจทองในปีนี้
โรงแรมมีทั้งหมด 7 อาคาร 221 ห้องพักโดยแบ่งเป็นสองฝั่งได้แก่ฝั่งภูเขาและฝั่งหน้าหาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องอาหาร 7 แห่ง สระว่ายน้ำ 5 สระ ฟิตเนส สติสปา สนามเทนนิส และคิดส์คลับ
จากปัญหาขยะล้นเมืองในภูเก็ต อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ทได้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการแบ่งเบาภาระด้านขยะของภูเก็ต นอกจากการแยกขยะที่ทำเป็นประจำแล้วโรงแรมได้ลงทุนกว่า 2 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องย่อยขยะเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยเพื่อนำกลับมาใช้และลดปริมาณขยะ
โดยย่อยเศษอาหารได้ 2,500 กิโลกรัมต่อเดือน กลายเป็นปุ๋ยออกานิค 250 กิโลกรัม ซึ่งนำไปแจกจ่ายชุมชนและโรงเรียนเพื่อปลูกผัก นำไปใช้กับสวนผักพันธมิตรของโรงแรมเพื่อนำพืชผักกลับมาปรุงอาหาร และบางส่วนนำกลับมาใช้ในต้นไม้ของโรงแรม
นอกจากนี้ โรงแรมยังดำเนินการบำบัดน้ำเสีย Water Treatment 100% ด้วยระบบเก็บน้ำใต้ดินและนำมาบำบัดและกลับมาใช้ในงานรดน้ำต้นไม้และงานอื่นๆ โรงแรมยังสนับสนุนพลังงานสีเขียวโดยเปิดพื้นที่ติดตั้ง EV Charger ถึง 5 สถานีชาร์จไฟสำหรับสาธารณะ มานานกว่า 5 ปี และยังให้บริการรับส่งแขกภายในโรงแรมด้วยรถไฟฟ้า
โรงแรมไม่มีการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว แต่เลือกใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกส่วนของโรงแรมเช่นหลอดทำจากข้าว
อีกทั้งโรงแรมได้สื่อสารเรื่องความยั่งยืนผ่านเว็บไซต์ อีเมล และคู่มือแนะนำสำหรับแขกที่เข้าพักพร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานเข้าร่วม IHG Green Committee เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมและร่วมสร้างโครงการด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งร้านอาหารจรัสยังได้ร่วมมือกับ WWF Thailand เพื่อขอคำปรึกษาด้านพืชพรรณท้องถิ่นตามฤดูกาลจากชาวบ้านเพื่อนำมาปรุงอาหารหรือใช้วัตถุดิบที่มีจำนวนมากเกินจำเป็นและอาจทำลายวงจรอาหารและสิ่งแวดล้อมได้ เช่น ปลาหมอคางดำที่ห้องอาหารจรัสนำมาทำขนมจีนแกงใต้แบบใช้ทุกส่วนไม่เหลือทิ้ง
นอกจากนี้ทางโรงแรมยังได้สั่งซื้อวัตถุดิบจากฟาร์มและชุมชนของชาวบ้านมากกว่า 19 ชุมชนทั่วประเทศไทยจึงทำให้โรงแรมใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นกว่า 95% เช่น ช็อกโกแลตจากภูเก็ต ผักและไข่ไก่ไข่เป็ดจากพังงา น้ำตาลจากสงขลา เป็นต้น
นางสาวน้ำเพชร กล่าวต่อว่า เรามุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมผ่านการประสบการณ์การเข้าพัก เช่น จัดกิจกรรม Kamala Bike Tour เพื่อพาแขกสัมผัสเสน่ห์ชุมชนกมลา
และเกิดการกระจายรายได้และยังมีโปรแกรมสำหรับเด็กๆชื่อ Planet Guardian เด็กๆสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเรียนรู้ปัญหาของขยะและการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมสนุกสนานแฝงด้วยความรู้ รวมถึงได้รับของที่ระลึกที่ทำจากขยะเช่นพวงกุญแจกลับไปใช้เองหรือฝากผู้ปกครองได้อีกด้วย
แม้ว่าโรงแรมจะเพิ่งเข้าร่วมโครงการ CF-Hotels ได้ 1 ปี แต่โรงแรมสามารถลดการใช้พลังงานและดูแลสิ่งแวดล้อมได้มากกว่า 20% โดยอาศัยความร่วมมือของพนักงานทั้งโรงแรมรวม 370 คน
“แม้เราทำงานด้าน CSR อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง แต่โรงแรมยังคงเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีผลประกอบการยอดเยี่ยมระดับต้นๆ การดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่ยังเป็นสิ่งที่ทุกโรงแรมและทุกคนต้องลงมือทำร่วมกันจึงจะสำเร็จ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง