อวสานตั๋วเครื่องบินราคาถูก สายการบินเข็ดขยาดสงครามราคา

14 มี.ค. 2568 | 13:49 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2568 | 13:49 น.

หมดยุคตั๋วเครื่องบินราคาถูก สายการบินยุติสงครามราคา หลังธุรกิจเซ็ทซีโร CAAT เผยหลังโควิด ค่าโดยสารเฉลี่ยพุ่ง 17% สมาคมสายการบิน ลั่นขายตามเพดาน และปรับสู่ภาวะสมดุล

ปัจจุบันธุรกิจการบินของประเทศไทย หลังโควิด-19 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนของการแข่งขันด้านราคาตั๋วเครื่องบิน สำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ หรือ สงครามราคา ซึ่งลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้สายการบินสามารถขายตั๋วเครื่องบินในราคาที่สะท้อนต้นทุนได้มากกว่าในอดีต

ทำให้สายการบินสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน แต่ในขณะเดียวผู้โดยสารก็จะต้องจ่ายค่าตั๋วสูงขึ้นจากเดิม แต่ไม่เกินเพดานราคาค่าโดยสารที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT กำหนด

ชำแหละเพดานค่าตั๋วเครื่องบินของไทย

การกำหนดอัตราค่าโดยสารเส้นทางบินในประเทศ ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT ได้แยกเพดานค่าโดยสารขั้นสูง ระหว่างสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ(Full Service) กับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low CostAirline) ออกจากกัน ซึ่งประกาศเมื่อปลายปี 2561 และมีผลใช้บังคับใช้ต้นปี 2562 จากเดิมที่ใช้อัตราค่าโดยสารเพดานขั้นสูงเดียวกัน

โดยเส้นทางบินที่มีระยะทางการบินเกิน 300 กิโลเมตรกำหนดให้สายการบินต้นทุนต่ำ คิดค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร และสายการบินฟูลเซอร์วิส ไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนเส้นทางบินที่มีระยะทางบินไม่เกิน 300 กิโลเมตร และมีการเดินทางภาคพื้นที่ไม่สะดวกให้สายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบและสายการบินต้นทุนต่ำ กำหนดค่าโดยสารได้ไม่เกิน 22 บาทต่อกิโลเมตร ใน 12 เส้นทางบิน

ทั้งนี้เส้นทางบินที่มีการแข่งขันสูงจะเป็นเส้นทางบินเกิน 300 กิโลเมตรมีทั้งหมด 37 เส้นทางบิน ครอบคลุม 35 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางบินที่บินออกจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะในปี 2560-2562 ธุรกิจการบินของไทย มีการแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือด

โครงสร้างต้นทุนค่าโดยสาร เส้นทางบินในประเทศของไทย

เพราะจำนวนเที่ยวบินและเส้นทางบิน หรือซัพพลายในตลาดการบินมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสายการบินของไทยหลายสายที่มีผู้ร่วมทุนเป็นสายการบินโลว์คอสต์ต่างชาติ ซึ่งมีฝูงบินจำนวนมาก จึงพร้อมทุ่มตลาด มีการตัดราคาแข่งกันขายตั๋วถูก ต่ำกว่าต้นทุน ราคาถูกจนไปสร้างความเดือนร้อนให้กับรถทัวร์และรถไฟด้วยซ้ำ

ธุรกิจเซ็ทซีโรหลังโควิด สายการบินปรับราคาตั๋ว สะท้อนต้นทุน

แต่หลังจากโควิดเป็นต้นมาสายการบิน ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ สายป่านที่เคยมีกลายเป็นศูนย์ ต้องประคองตัวและดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดได้จากนั้นมาสายการบินต่างๆจึงสามารถปรับขึ้นราคาตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจาก 2 ปัจจัยหลัก

ปัจจัยที่ 1 ผลกระทบจากโควิด-19 กระทบการดำเนินธุรกิจการบิน สายการบินต้องลดจำนวนเครื่องบิน ลดพนักงาน ให้อยู่รอด แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ความต้องการในการเดินทางเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกลับการนำเครื่องบินกลับมาให้บริการ ที่ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลของ CAAT พบว่า จำนวนเครื่องบินที่สายการบินทุกสายมีอยู่ (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2567) ยังมีจำนวนน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด อยู่ที่ 76 ลำ หรือคิดเป็น 25% (ปี 2562 มีจำนวนเครื่องบิน 306 ลำ ปี 2567 มีจำนวนเครื่องบิน 230 ลำ) สวนทางกับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 17%

ปัจจัยที่ 2 คือ ต้นทุนการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากความผันผวนของราคาน้ำมัน และการที่ต้องกลับมาจ่ายอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากในช่วงโควิดได้รับการผ่อนปรน ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของสายการบินเพิ่มขึ้น โดยต้นทุนเชื้อเพลิงคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของต้นทุนทั้งหมด

ประกอบกับก่อนโควิดสายการบินได้รับบทเรียนจากการใช้กลยุทธ์สงครามราคามาใช้ ทำให้ในช่วงนั้นแม้จะมีเที่ยวบิน และผู้โดยสารจำนวนมาก แต่กลับได้รายได้จากการขายราคาตั๋วเครื่องบินไม่สูง สวนทางกับปัจจุบันที่แม้ผู้โดยสารและเที่ยวบิน จะยังไม่กลับมา 100 % แต่สายการบินกลับสามารถปรับราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับต้นทุน โดยยึดหลักที่ทำให้แข่งขันได้ ไม่ถึงแข่งกันเฉือนเนื้อตัวเองอย่างอดีต

CAAT ชี้สายการบินได้บทเรียนสงครามราคาจากก่อนโควิด  จะไม่เห็นแข่งตัดราคาแรงเหมือนยุคก่อน

นายศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการสายพัฒนาเศรษฐกิจการบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ราคาค่าโดยสารเส้นทางบินในประเทศ หลังเกิดโควิด-19 จะเห็นได้ว่าสายการบินมีการปรับราคาขายที่สะท้อนต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ต่อไปจะไม่เห็นสงครามราคาที่รุนแรงเหมือนในอดีต

ศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการสายพัฒนาเศรษฐกิจการบิน  CAAT

เนื่องจากที่ผ่านมาสายการบินมีบทเรียนแล้วว่าสายการบินได้แข่งขันราคาจนธุรกิจขาดทุน ทั้งๆที่ตอนนั้นมีเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารใช้บริการสูงกว่าปัจจุบันเสียอีก การเกิดโควิด ทำให้ธุรกิจต้องรีเซ็ทใหม่ วันนี้สายการบินยังมีเครื่องบินไม่กลับมาเท่าเดิม มีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูง สายการบินจึงต้องปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง

“ต่อไปเราคงจะไม่เห็นสายการบินแข่งขันตัดราคาเหมือนยุคก่อน ที่ขายกันในราคาต่ำๆบางช่วงขายราคา 500-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงขั้นรถทัวร์ทนไม่ไหวต้องออกร้องเรียน จะมีก็คงเป็นการจัดโปรโมชั่นออกมาเป็นช่วงๆโดยมีการกำหนดจำนวนที่นั่งในการทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นการขายดึงคนเข้าไปจองตั๋ว หรือในช่วงเทศกาลราคาอาจจะสูงกว่าช่วงอื่น ซึ่งเป็นไปตามดีมานต์และซัพพลาย เราก็ได้หารือกับสายการบินเพื่อเพิ่มเที่ยวบินและจัดโปรโมชั่นในช่วงดังกล่าวเพื่อดึงราคาลงมา และหากผู้โดยสารจองล่วงหน้านาน ราคาก็จะไม่แพงมาก หาเทียบกับการจองใกล้วันเดินทาง”

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในขณะนี้ CAAT ก็มองว่าเพดานราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบัน ยังถือว่าครอบคลุมต้นทุนของสายการบินอยู่ ดังนั้นแผนการทบทวนการปรับเพดานค่าโดยสารใหม่ ที่อาจจะลดเพดานค่าโดยสาร หรือปรับเพิ่มเพดานค่าโดยสาร ก็คงยังจะเป็นเพียงแค่ติดตามสถานการณ์อยู่เท่านั้น เพราะ CAAT ต้องการสนับสนุนให้สายการบินอยู่ได้ ขณะเดียวกันผู้โดยสารก็ไม่ได้รับผลกระทบมาก                    

สมาคมสายการบิน ยันขายตั๋วตามเพดานราคาที่กำหนด ปรับสมดุลราคาสะท้อนต้นทุน 

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า การขายตั๋วเครื่องบินเส้นทางบินในประเทศของสายการบินต่างๆ ก็ยังคงเป็นไปตามเพดานราคาที่ CAAT กำหนด แต่อาจจะมีราคาสูงบ้างในช่วงเทศกาล แต่ก็ยังอยู่ในเพดานอยู่ ซึ่งเพดานราคานี้ ได้กำหนดมานานแล้ว จากการคำนวณต้นทุนของสายการบินที่เกิดขึ้นในอดีต และที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรับขึ้นเลยสวนทางกับต้นทุนของธุรกิจที่สูงขึ้นต่อเนื่อง

พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ

วันนี้การแข่งขันในตลาดการบินที่ลดลง เนื่องจากมีดีมานด์ความต้องการในการเดินทางสูง แต่ซัพพลายยังไม่กลับมา 100% เท่ากับในอดีต ดังนั้นพอหลังโควิด-19 สายการบินก็ต้องมาคิดราคาที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่ขึ้นราคาจนไล่ลูกค้า เพียงแต่ปรับให้ราคากลับมาสู่ภาวะสมดุล และราคาเป็นไปตามกลไกตลาด โดยที่ไม่เกินอัตราเพดานราคาที่ CAAT กำหนดไว้

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าตั๋วเครื่องบินตอนนี้แพง หากจะมองในตามข้อเท็จจริง ผมมองว่าเกิดจากความคุ้นเคยของผู้โดยสารที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2560-2562 ที่ตอนนั้นธุรกิจสายการบินมีการต่อสู้กันสูงมาก เพราะซัพพลายในตลาดเยอะ มีการตัดราคาแข่งกันขายตั๋วถูก ราคาถูกจนไปสร้างความเดือนร้อนให้กับรถทัวร์และรถไฟด้วยแต่ก็ต้องบอกว่าช่วงนั้นสายการบินแทบจะไม่มีกำไร เพราะขายกันเท่าทุน หรือน้อยกว่าทุน เพื่อดึงผู้โดยสาร

ผมต้องขอบคุณโควิด-19 ด้วยซ้ำที่เข้ามาเบรก ทำให้ทุกคนกลับมาคิดใหม่ว่าการขายราคานั้นมันเป็นไปไม่ได้ท่ามกลางค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นทำแบบนั้นก็แข่งกันตายและผมเชื่อวันนี้คงไม่มีใครอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก

ด้านนายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปี 2567 สายการบินมีรายได้จากการขายสูงกว่าปี 2562 ส่วนสำคัญมาจากราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยสายการบินมีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศอยู่ที่ 40 %

สำหรับราคาเฉลี่ยตั๋วเส้นทางในประเทศของสายการบินต่างๆ ล้วนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกสายการบิน หากเทียบกับปีก่อนเกิดโควิด-19 อาทิ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ก่อนโควิด ในปี 2561 อยู่ที่ 1,100 บาท ปี 2562 อยู่ที่ 1,102 บาท ปี 2563 อยู่ที่ 1,308 บาท และปี 2564 เพิ่มเป็น 1,485 บาท สะท้อนให้เห็นว่าสายการบินสามารถปรับราคาที่สะท้อนต้นทุนได้มากขึ้นนั่นเอง