คนไทยติดท็อปโลก! ใช้เวลาออนไลน์ 7 ชม. ช่วยกระตุ้นธุรกิจดิจิทัล

23 มี.ค. 2568 | 05:38 น.

ตลาดคอนเทนต์โต 4.5 หมื่นล้านบาท เผยผลสำรวจคนไทยติดท็อปโลก! ใช้เวลาออนไลน์ 7 ชม. 25 นาทีต่อวัน ช่วยกระตุ้นธุรกิจดิจิทัล

นางสาว สุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Tellscore กล่าวว่า ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อปีเฉลี่ย 20-30% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยมีโอกาสในการเติบโตมาก อันเนื่องมาจากคนไทยมีพฤติกรรมใช้เวลาในโลกออนไลน์สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 25 นาทีต่อวัน และมีข้อมูลการใช้ Social Media ถึง 71.5% สูงกว่าทั่วโลกที่มีการใช้เพียง 63.9% (อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ Global WebIndex เดือนกุมภาพันธ์ 2568) 

คนไทยติดท็อปโลก! ใช้เวลาออนไลน์ 7 ชม. ช่วยกระตุ้นธุรกิจดิจิทัล

ในขณะเดียวกันแบรนด์ยังคงเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดหลัก ส่งผลให้ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในไทย มีการประมาณการณ์มูลค่าไว้สูงถึง 45,000 ล้านบาท

โดยในปัจจุบันมี Megatrends (แรงผลักดันขนาดใหญ่) ที่ส่งผลต่อการผลิตเนื้อหาและส่งผลกระทบต่ออนาคตวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่น่าสนใจ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 

1.เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น โลกเสมือน หรือ AI ได้เปิดโอกาสให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม ครีเอเตอร์ควรต้องคำนึงถึงขอบจำกัด ลิขสิทธิ์และข้อมูลที่ถูกต้องของเนื้อหาที่นำเสนอ 

คนไทยติดท็อปโลก! ใช้เวลาออนไลน์ 7 ชม. ช่วยกระตุ้นธุรกิจดิจิทัล

2.คุณภาพของสื่อ แพลตฟอร์มและภาครัฐพยายามเข้ามาควบคุมและกำกับดูแลมากขึ้นจากปัญหาเฟคนิวส์หรือการสร้างสื่อที่นำเสนอข้อมูลเท็จ รวมทั้งสื่อที่ผิดลิขสิทธิ์ 

3.Creator as Mainstream Media ปัจจุบันผู้บริโภคเชื่อใจและอยากฟังความคิดเห็นของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทำให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์มีส่วนร่วมในสื่อกระแสหลักมากขึ้น

4.ค่านิยมในสังคม ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์สื่อที่มีประโยชน์ให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

อนาคตของวงการจะดีหรือไม่นั้น ขึ้นกับปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ความก้าวหน้าและพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี การกํากับดูแลดิจิทัลแพลตฟอร์มการคุ้มครองกํากับดูแลอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ การสร้างรายได้และความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจของครีเอเตอร์

ค่านิยมและพฤติกรรมในการรับชมเนื้อหาของผู้คน และศักยภาพทางวิชาชีพ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่และความสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนร่วมกันของทุกภาคส่วนในวงการ ครีเอเตอร์ต้องเรียนรู้ เตรียมตัว และปรับตัวอยู่เสมอ

แนะสิ่งที่จะทำให้ครีเอเตอร์ประสบความสำเร็จและสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวคือความจริงใจและการคำนึงถึงความรู้สึกของผู้เสพสื่อ งานวิจัยจำนวนมากระบุว่าการสร้างสื่อที่เน้นความไวรัลหรือดึงดูดความสนใจอาจช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะสั้น

แต่สิ่งที่คนดูต้องการคือความจริงใจ ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมระหว่างครีเอเตอร์กับคนดู และหากครีเอเตอร์สามารถนำเสนอตัวตนและเอกลักษณ์ด้วยความจริงใจได้ ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างโดดเด่นและสามารถมีจุดยืนในวงการได้

ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล

ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน กล่าวว่า กระแสของภาพยนตร์ไทยกำลังมาแรง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวนภาพยนตร์ไทยมีการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 15% และยังเป็นปีแรกที่มีภาพยนตร์ไทยได้รายได้มากกว่า 100 ล้านบาทถึง 7 เรื่อง

ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Post Modernism ที่คนต้องการเสพเนื้อหาที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติและวัฒนธรรม จึงทำให้ภาพยนตร์ไทยที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความซับซ้อนและหลากหลายของความเป็นไทยแบบตรงไปตรงมาได้รับความนิยม

ในขณะเดียวกัน ละครและซีรีส์ไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทฤษฎีและแนวคิดต่างๆ ในการผลิตซีรีส์มีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง ทำให้เกิดเป็นผลงานที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น ตลาดซีรีส์ Boy Love/ Girl Love เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ออกอากาศถึง 78 เรื่องในช่วงปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมี 100 – 120 เรื่องในปีนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความท้าทายใหม่ๆ ของวงการ 

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลงานและขับเคลื่อนให้ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ไทยไปสู่ระดับโลกได้ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ที่ยังต้องสามารถตอบโจทย์ในแง่การตลาด (Marketing) ได้ด้วย การหาสมดุลย์ของทั้งสองอย่างนี้จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์

และสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย รวมถึงละคร และซีรีส์ไทยให้เติบโตและไปได้ไกลคือ ระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ดี ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ซึ่งปัจจุบันภาครัฐก็พยายามผลักดันวงการภาพยนตร์ให้เกิดโครงสร้างที่จำเป็น เช่น Micro Cinema หรือการสนับสนุนคนทำงาน ผู้สร้าง นักวิจารณ์ คนดู สร้างพื้นที่ที่จะมีศิลปวิจักษ์ ภาพยนตร์วิจักษ์ หรือพื้นที่ที่จะมีการเเลกเปลี่ยนความเห็นทางศิลปะเเละภาพยนตร์

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย และยังมีเพียงโครงสร้างที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของอุตสาหกรรม แต่ยังขาดโครงสร้างที่จำเป็นต่อการเติบโต ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะมีโครงสร้างที่จำเป็นต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และการปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศด้วย