Home Electronics บูม Easy E-Receipt 2.0 หนุนการใช้จ่ายโต 30%

03 มี.ค. 2568 | 15:08 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มี.ค. 2568 | 16:12 น.

The 1 สรุปเทรนด์ปี 2568 Easy E-Receipt 2.0 หนุนการใช้จ่ายโต 30% Home Electronics โต 4 เท่า กลุ่มแฟชั่น-บิวตี้มาแรง OTOP ขายดี 2 เท่า

The 1 Insight สรุปเทรนด์การใช้จ่าย Easy E-receipt 2.0 ในปี 2568 เผยภาพรวมการใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าปีก่อน โดดเด่นในกลุ่ม Gen Z เติบโตสูงถึง 30% ชี้มีความตื่นตัวในการใช้จ่ายลดหย่อนภาษี

ในขณะที่สินค้าหมวด Home Electronics ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้จ่ายหลัก เสริมทัพด้วยหมวด Fashion และ Beauty ที่ยอดขายเติบโตในทุกกลุ่มช่วงวัย นอกจากนี้ โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคม ส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า

Home Electronics บูม Easy E-Receipt 2.0 หนุนการใช้จ่ายโต 30%

เช่นเดียวกับปีก่อน ช่วงเวลาของการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 มาพร้อมกับความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในอากาศที่สูงขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อปัญหาฝุ่นได้กลายเป็นปัญหาระยะยาวของคนไทย ความต้องการซื้อ ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ย่อมเติบโตสูงขึ้นตามมา

โดยในปี 2568 นี้มียอดขายเติบโตกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ครองอันดับหนึ่งสินค้ายอดขายเติบโตสูงสุด เช่นเดียวกับช่วง Easy E-Receipt เมื่อต้นปี 2567 และยังส่งผลให้ตลาด Home Electronics ภาพรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 โดยสินค้าขายดีอื่นๆ ในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องซักผ้า

นอกจากนี้ ยังพบว่าสินค้าในหมวด Fashion และ Beauty ยังมีการเติบโตสูงเช่นกัน โดยหมวด Fashion เป็นที่นิยมในการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีเนื่องจากมีราคาต่อชิ้นค่อนข้างสูงจึงสะดวกในการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีในวงเงิน 30,000 บาท

โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมได้แก่ แอ็กเซสเซอรี่แฟชั่น นาฬิกา และจิวเวลรี่ ส่วนหมวด Beauty นั้นมียอดใช้จ่ายโดดเด่นในทุกกลุ่มช่วงวัย สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ เครื่องสำอาง สกินแคร์ และน้ำหอม 

มากไปกว่านั้น ในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ยังมีกลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่สามารถนำมาใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เติบโตกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน

โดยผู้ใช้จ่ายหลักอยู่ในกลุ่ม Gen Y และ Gen X นั่นเอง สินค้ายอดนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ กระเป๋าถือ เสื้อผ้า และเครื่องประดับ 

สำหรับโครงการ Easy E-Receipt 2.0 หรือการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2568 (ยื่นแบบต้นปี 2569) ใช้ลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุด 50,000 บาท ต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) โดยวงเงินของกลุ่มสินค้า หรือบริการที่นำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้

ซึ่งในปีนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าและบริการทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท 2. กลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท