สรุปผลวิจัย "กินเจ" ปี 67 พบคนไทยแห่ร่วม 79%

16 ต.ค. 2567 | 05:30 น.

สถาบันวิจัยฮาคูโฮโด เผย กินเจปีนี้คึกคัก คนไทยแห่ร่วม 79% มองไม่ใช่แค่ถือศีล แต่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันด้วย

สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ว่า ว่าคนไทยให้ความสนใจเทศกาลกินเจมากถึง 79% โดยแต่ละเจเนอเรชันมีมุมมองที่แตกต่างกัน:

  • Gen X: เน้นปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิม
  • Gen Y: มองกินเจเป็นเรื่องของการเปิดใจและสังคม
  • Gen Z: ต้องการกินเจแบบที่เข้ากับไลฟ์สไตล

สรุปผลวิจัย \"กินเจ\" ปี 67 พบคนไทยแห่ร่วม 79%

โดยดัชนีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น +1% ในเดือนตุลาคมนี้ เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมประจำปี ทำให้ผู้บริโภคเน้นซื้ออาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงซบเซา

นางสาวดวงแก้ว ไชยสุริวิรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ได้ให้ข้อแนะนำกับแบรนด์และองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้ปรับตัวไปพร้อมกับสถานการณ์ครั้งนี้ ไว้ 2 หัวข้อใหญ่ คือ

1.เจมุมใหม่ ตอบโจทย์คนทุกเจน

แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญ customize เทศกาลเจ ไปตามความสนใจของแต่ละ Gen เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้คนไทยอยากเข้าร่วมเทศกาลนี้มากยิ่งขึ้น เช่น การจัดกิจกรรม “J-Mu tour” แพ็กเกจทำบุญและทาน

เจสำหรับ Gen X (traditional x new experience) หรือ “J-Healthy talk show” การจัดเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องกินเจพร้อมนำเสนออาหารเจไปพร้อมกัน

สรุปผลวิจัย \"กินเจ\" ปี 67 พบคนไทยแห่ร่วม 79%

สำหรับ Gen Y (spark topic of conversation) และ Gen Z อาจเป็นการจัดงาน “Good for You Day” ผสมผสานความสนุกและความร่วมสมัยของเทศกาลให้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน

2.ส่งพลังบวก เพิ่มพลังใจ

ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเต็มไปภาวะความเครียด ความกังวล และความกดดันของคนไทย ที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ แนวทางการตลาดที่ธุรกิจหรือองค์กรควรดำเนินคือ กิจกรรมที่มุ้งเน้นการสนับสนุนทั้งทางจิตใจและทางปฏิบัติ เช่น การทำแคมเปญซื้อ 1 ส่งต่อ 1 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 

ในภาพรวมของคะแนนความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมา +1 นั้น เมื่อเจาะจงแบ่งออกเป็นภูมิภาค ทำให้เห็นว่า ภาคเหนือ มีความต้องการใช้จ่ายมากขึ้นถึง +7 ซึ่งความต้องการใช้จ่ายที่มากขึ้นนี้เป็นผลมาจากการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมและการจัดการผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

สรุปผลวิจัย \"กินเจ\" ปี 67 พบคนไทยแห่ร่วม 79%

คะแนนของแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ ถือเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้น เพราะเราต่างรู้ดีว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนไทยมากเพียงใด

เมื่ออ้างอิงถึงเทศกาลกินเจในเดือนตุลาคมนี้ จากผลสำรวจที่พบว่า กว่า 79% ของคนไทยต้องการเข้าร่วมเทศกาลกินเจในปีนี้ ทำให้เกิดคำถามพิเศษขึ้นในผลสำรวจครั้งนี้คือ เทศกาลเจแบบไหนที่คุณอยากเข้าร่วม และในผลสำรวจครั้งนี้ได้จัดคำตอบ Top 5 ของผู้เข้าร่วมสำรวจทั้ง 3 Gen ออกมาได้ ดังนี้

 

1. J Sanctuary : กว่า 35% เลือกพักผ่อนร่างกายผ่านอาหารเจที่มีคุณภาพ พร้อมพักผ่อนจิตใจด้วยกิจกรรมสปา เข้าวัด ทำบุญ รวมไปถึงการนั่งสมาธิแบบง่ายๆ เพื่อให้จิตใจสงบ

2. J Healthy Everyday : อันดับที่ 2 (28%) ในผลสำรวจนี้ เลือกการกินเจแบบเฮลตี้ ด้วยแพคเกจ เจผูกปิ่นโต 3 มื้อ 10 วัน (รวมล้างท้อง) ด้วยการคำนวณโภชนาการตามที่ร่างกายของตนเองต้องการให้ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

สรุปผลวิจัย \"กินเจ\" ปี 67 พบคนไทยแห่ร่วม 79%

3. J beauty : ผู้ทำผลสำรวจกว่า 18 % มองว่า หากในช่วงเทศกาลเจนี้ มีสถานบันความงานชื่อดัง จัด Workshop อาหารเจพร้อมแพคเกจดูแลผิวสวย จะทำให้มีความต้องการเข้าร่วมเทศกาลเจมากขึ้นและถือว่าเป็นการปรับตัวของเทศกาลเจให้เข้ากับยุคปัจจุบัน

4. J MU Tour : ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการมูเตลูในช่วงเทศกาลเจ แนะนำให้จัดแพคเกจทัวร์ทำบุญและทานเจ 9 วัน 9 ศาลเจ้าดัง เพื่อขอพรทานเจและได้ทำบุญไปพร้อมกัน

5. 88 Menu Challenge TikTok : เมื่อแอปพลิเคชั่น TikTok กำลังมาแรงในขณะนี้ ทำให้เป็นที่สนใจของกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย การจัดทำชาเลนจ์ที่ให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมในการครีเอตเมนูเจในแบบของตนเองไม่ซ้ำใคร 88 เมนู ถือเป็นโอกาสที่ดีในการกระตุ้นให้คนไทยอยากเข้าร่วมเทศกาลกินเจมากยิ่งขึ้น