การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก Internationale Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2025 ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2568 ณ Berlin ExpoCenter City กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทย
พร้อมกันนี้ยังทรงสาธิตการพันผ้าหูกระเป๋าจากผ้าไทย (Twilly) และการทำส้มตำเมนูเด็ดต้องลองชิม (MUST TASTE) เพื่อนำเสนอการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว 5 MUST DO IN THAILAND ณ คูหาประเทศไทยอีกด้วย
ประเทศไทยในปีนี้ได้ให้ความสำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด Sustainable Thailand Soft Power โดยการออกแบบสะท้อนเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก (Local Meets Global)
ทั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านแบรนด์ Amazing Thailand พร้อมเปิดปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ในตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก
โดยมีการจัดสรรพื้นที่แบ่งออกเป็นหลากหลายโซนเพื่อน นำเสนอประเทศไทยในทุกมิติ ซึ่งมีไฮไลต์ ได้แก่ โซนเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gem Cities) พื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจจากเมืองน่าเที่ยว 17 จังหวัดจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย
โซน SANEH THAI SHOWCASE, SUSTAINABILITY NOW จัดแสดงสินค้าอัตลักษณ์ที่นำเสนอเรื่องราวเมืองน่าเที่ยวจากภูมิภาคต่างๆ
อาทิ วาสนาเครื่องจักสานไม้ไผ่จากเชียงใหม่ มีใจสตูดิโอจิวเวลรีจากจันทบุรี, ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมสีธรรมชาติ สีห้อมจากแพร่คราฟต์ สีบัวแดงจากอุดรธานี, เครื่องเงินดอยซิลเวอร์จากน่าน เครื่องเงินสุโขทัย, เครื่องปั้นจากสมุทรสงคราม (เบญจรงค์) เซรามิคธนบดีจากลำปาง, ผลิตภัณฑ์จากลูกปัดโนราห์จากสงขลา, เครื่องหอมจากกรุงเทพฯ ระยอง และปราจีนบุรี
การจัดกิจกรรมเวิร์คชอป Scents of Thai DIY ถุงเครื่องหอมแบบ ไทย จากดอกไม้แห้งและน้ำหอมดอกไม้ไทย จาก Brand Rati จัดแสดง Thailand Green Destinations Map นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยที่ได้รับมาตรฐานความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล รวมทั้งนำเสนอโมเดลต้นแบบของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดกระบี่ (Krabi : Sustainable Tourism Model)
โซน SANEH THAI Café นำเสนอเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ และโกโก้ จากแหล่งปลูกในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI
พร้อมทั้งเสิร์ฟเมนูอาหารว่างรสชาติไทย อาทิ ต้มยำกุ้ง ลาบไก่ และช็อคโกแลตไทย และการจำลองเมนูของจิ๋วจากร้านมิชลิน 17 จังหวัดทั่วไทย จาก Michelin Guide 2025 พร้อมนำเสนอคอนเทนต์เมนูอาหารไทยยอดนิยมติดอันดับโลก
โซน Travel Tech ระบบนำร่อง TATAI ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประมวลผลผ่านตู้ 3D hologram เพื่อให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวผ่านการสนทนา รวมถึงนำเสนอการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์วิดีโอโปรโมทธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไทย และพื้นที่หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กรมการท่องเที่ยว องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด และสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2025 งานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกของประเทศไทยในครั้งนี้ มีความพิเศษกว่าทุกปี โดยได้ขยายขนาดพื้นที่คูหาของประเทศไทยจากขนาด 540 ตารางเมตร เป็น 1,820 ตารางเมตร หรือขนาด 1 Hall ของ ITB Berlin
ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับการประกาศให้ปี 2568 เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025” และขับเคลื่อนนโยบาย Ignite Tourism Thailand ผลักดันประเทศไทยสู่ตลาดโลก
โดยในครั้งนี้ได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชนไทยเข้าร่วมประมาณ 160 ราย จาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทั้งจากเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองน่าเที่ยว เพื่อร่วมพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก
โดยเฉพาะตลาดยุโรป สร้างโอกาสในการเปิดตลาด สร้างและขยายเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการไทยในการรุกตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีระยะเวลาพำนักในประเทศไทยนาน และมีการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวสูง ให้มุ่งสู่เป้าหมายในปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล 10.6 ล้านคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 8.7 แสนล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ททท. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน นำเสนอศักยภาพทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในทุกมิติ
ทั้งด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว ความหลากหลายของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยครั้งนี้ ททท.นำผู้ประกอบการเข้าร่วมสูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีจำนวนถึง 160 ราย ประกอบด้วย โรงแรมที่พัก 88 % บริษัท DMC 8 % และอื่น ๆ 4 %
ขณะที่ไฮไลต์ของพื้นที่ประเทศไทยอยู่ที่การนำเสนอเสน่ห์ไทย ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ภายใต้แนวคิด 5 Must do in Thailand ควบคู่ไปกับการนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสการท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วโลก
รวมถึงนวัตกรรมทางการท่องเที่ยวใหม่ Travel Tech ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ความสนใจของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากกว่า 180 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมงาน และเป็นอีกแรงส่งสำคัญในการผลักดันตลาดการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดระยะไกล ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 23 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 2.34 ล้านคน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป 1.85 ล้านคน อเมริกา 3.1 แสนคน ตะวันออกกลาง 1.52 แสนคน และแอฟริกา 2.4 หมื่นคน
ในปี 2568 นี้ ททท. ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลเดินทางเข้าประเทศไทยจ านวน 10.6 ล้านคน แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป 7.7 ล้านคน อเมริกา 1.6 ล้านคน ตะวันออกกลาง 1.2 ล้านคน และแอฟริกา 1.5 แสนคน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 869,200 ล้านบาท