แบรนด์เนมมือสองเดือด! บิ๊กเนมสปีดแรงดันไทยฮับเอเชียเทียบชั้นญี่ปุ่น

10 ก.พ. 2568 | 05:10 น.

จับตาตลาดแบรนด์เนมมือสอง 4 หมื่นล้านระอุ! บิ๊กเนมพาเหรดรุกหนัก แห่ปักหมุดนำคอลเลคชั่นสุดฮอทตอบโจทย์คนรุ่นใหม่กระเป๋าหนัก เผยพฤติกรรมเปลี่ยนหันช้อปเพราะความยั่งยืนและการบริโภคอย่างรับผิดชอบ ขณะที่ตลาดแฟชั่นมือสองโตเฉลี่ย 12% ต่อปี เร็วกว่าแฟชั่นทั่วไป 3 เท่าตัว

ตลาดแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท คึกคัก เมื่อบรรดา “บิ๊กเนม” ต่างกระโดดเข้าร่วมวงแข่งขัน หวังชิงส่วนแบ่งตลาดที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางตลาดแบรนด์เนมมือสองของเอเชีย เทียบชั้นญี่ปุ่น

 หากพูดถึงตลาดหลักของตลาดแบรนด์เนมมือสองในภูมิภาคเอเชียคงหนีไม่พ้น “ประเทศญี่ปุ่น” ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ตลาดแบรนด์เนมมือสองในญี่ปุ่นไม่เพียงแต่เป็นแหล่งซื้อขายสินค้า แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและค่านิยมของคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

แบรนด์เนมมือสองเดือด! บิ๊กเนมสปีดแรงดันไทยฮับเอเชียเทียบชั้นญี่ปุ่น

แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจต่างลดการใช้จ่ายลง ส่งผลให้ตลาดแบรนด์เนมมือสองมีสินค้าส่วนใหญ่เป็นรุ่นวินเทจแทนรุ่นใหม่ ๆ

 นายธานี สามสีเจริญลาภ ซีเอฟโอฝ่ายการเงินและบัญชี Bagnifique.brandname เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเหล่านักช้อปต้องเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือสอง แต่ปัจจุบันตลาดไทยกลายเป็นเดสติเนชั่นหลักของนักช้อปไทยและต่างประเทศ

 “ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองของไทยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดราว 4 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบรนด์ Luxury Brand เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์และต้องการเป็นเจ้าของสินค้าที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “กลุ่มเศรษฐีใหม่” ที่เป็นกลุ่มหลักในการผลักดันตลาดให้เติบโตแบบก้าวกระโดด”

แบรนด์เนมมือสองเดือด! บิ๊กเนมสปีดแรงดันไทยฮับเอเชียเทียบชั้นญี่ปุ่น

 มูลค่าตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ตลาดซื้อขาย Luxury Brand ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ accessory ต่างๆ เป็นที่ต้องการมากขึ้น เพื่อนบ้านเมียนมา กัมพูชา ลาว เดินทางเข้ามาซื้อแบรนด์เนมมือสองในไทย ขณะที่นักสะสมในเอเชียมอง “ไทย” สินค้ารุ่นใหม่-ทันกระแส เหนือกว่าญี่ปุ่นที่เน้นของวินเทจ

 ทางด้าน “เครือสหพัฒน์” สยายปีกตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองผ่านการผนึกบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น โคเมเฮียว (KOMEHYO) ศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ที่อยู่ในตลาดประเทศญี่ปุ่นยาวนานกว่า 76 ปี และเข้ามารุกธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สหโคเมเฮียว จำกัด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง “เครือสหพัฒน์” และ KOMEHYO JAPAN ได้รุกขยายสาขาในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ลุยเปิดสาขา 5 ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ โดยสาขาแห่งนี้มีบริการรับซื้อ – ขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองอย่างครบวงจร

 นอกจากลุยตลาดแบรนด์เนมมือสอง เครือสหพัฒน์ ลุย “ตลาดสินค้าแฟชั่นมือสอง” จับมือบิ๊กทุนญี่ปุ่น ปั้น “RAGTAG” บุกตลาดแฟชั่นมือสองไทย ภายใต้ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหกรุ๊ป และ บริษัท เวิลด์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ที่ล่าสุด MOU ตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น พร้อมเปิดตัวร้านค้าแฟชั่นมือสองระดับไฮเอนด์ “แร็กแท็ก” (RAGTAG) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืนและความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกรวมความเชี่ยวชาญของผู้นำในอุตสาหกรรมทั้งสองเข้าด้วยกัน เพื่อปูทางไปสู่การขยายธุรกิจแฟชั่นที่ยั่งยืนและเป็นผู้นำเทรนด์ในประเทศไทย “แร็กแท็ก” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่นในฐานะร้านค้าแฟชั่นมือสองชั้นนำ จะนำเสนอสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพสูงหลากหลายแบรนด์ให้กับผู้บริโภคชาวไทย โดยสินค้าทุกชิ้นผ่านการคัดเลือกและตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด

แบรนด์เนมมือสองเดือด! บิ๊กเนมสปีดแรงดันไทยฮับเอเชียเทียบชั้นญี่ปุ่น

 ทั้งนี้ “แร็กแท็ก” เป็นร้านชั้นนำของญี่ปุ่นในด้านร้านค้าแฟชั่นหรูมือสองซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันมีร้านค้า 23 แห่งที่เปิดดำเนินการในญี่ปุ่นหลังจากเปิดร้านแห่งแรกในฮาราจูกุ โตเกียว ในปี 2528 บริษัทซื้อสินค้า 7 แสนชิ้นต่อปีและสินค้าที่ซื้อทั้งหมดจะถูกนำมาจัดสรรในคลังสินค้ากลาง พร้อมตรวจสอบคุณภาพ และซ่อมแซมก่อนจำหน่าย

 ขณะที่ “สยามพิวรรธน์” ปั้น “Circular of Lux” บุกตลาดแบรนด์เนมมือสอง ซึ่งที่นี่จะเป็นศูนย์กลางการให้บริการส่งต่อและแลกเปลี่ยนสินค้าลักชัวรีแบรนด์ชั้นนำให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากสยามพารากอน หรือไอคอนสยาม ภายใต้แนวคิด “สินค้า 1 ชิ้น มีชีวิตมากกว่า 1 ครั้ง”

 โดยนำสินค้าเหล่านั้นมาวางจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนม ในหลากรุ่นหลากแบบ ที่ปัจจุบันอาจไม่มีวางจำหน่ายแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะได้กลุ่มลูกค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีอายุราว 30 ปี มีระดับรายได้ตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป และต้องการมีสินค้าแบรนด์เนม แต่หากจะเลือกซื้อของใหม่อาจจะมีราคาที่สูงเกินไป สินค้ากลุ่มนี้จึงเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้า

 เดินหน้าสร้างอีโคซิสเต็มสู่ความยั่งยืน เปิดตัวร้านแบรนด์เนมมือ 2 “Circular of Lux” เสิร์ฟบริการซื้อ-ขายให้ลูกค้าเก่า พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่กลุ่ม Gen Z ระดับกลางที่อยากใช้แบรนด์หรู มั่นใจปีแรกกวาดยอดขายทะลุ 100 ล้าน

 ขณะที่ร้านแบรนด์เนมมือสองยอดฮิตสุดไวรัล อย่าง “เพอร์รีน พอร์ทเทอร์”ก่อตั้งโดย “ออน - สมฤทัย สางชัยภูมิ” เจ้าของวลีฮิต “Thank you Kateyki” ดาวติ๊กต็อกซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.9 ล้าน และควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพอร์รีน พอร์ทเทอร์ จำกัด ศูนย์รวมการรับซื้อ – ขายสินค้าแบรนด์เนม

 “ออน - สมฤทัย” ฉายภาพการใช้ของแบรนด์เนมมือสอง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เราซื้อของแบรนด์เนมแท้ได้ ในราคาที่เป็นธรรม ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อ ไม่ต้องคิดเยอะตัดใจซื้อ ช้อปกับเราแบบปล่อยใจได้เลย เรามีใบรับประกันให้ ซื้อไปแล้วเบื่อ อยากได้ใบใหม่ เอามาฝากขายคืนกับเราได้

 ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่แค่เพราะสินค้าเหล่านี้มีมูลค่าทางจิตใจ แต่ยังเป็นเพราะมันมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งการเลือกซื้อแบรนด์เนมมือสอง ยังร่วมส่งเสริมให้เกิดการบริโภคที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกทาง

 

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,068 วันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568