มร.อเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (รวมตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็กไม่รวมทีวี) ในประเทศไทย ปี 2567 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 83,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 9%
และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 21 ล้านเครื่อง เติบโตราว 4% โดยแบ่งประเภทสินค้าเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าชิ้นใหญ่ (Major Appliance) ซึ่งประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาดประมาณ 65,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตถึง 11% และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 5.6 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 8% ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดสินค้าชิ้นใหญ่เติบโตได้ดี
ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนมากในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างสูง ในขณะที่สินค้ากลุ่มที่ 2 ได้แก่สินค้าขนาดเล็ก (Small Appliance) อาทิ หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม เป็นต้น มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตทรงตัว และจำนวนเครื่องประมาณ 15.4 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% อย่างไรก็ตามสินค้าชิ้นเล็กไม่เติบโตตามคาด เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง
ในส่วนผลการดำเนินงานของโตชิบา ไทยแลนด์ มร.อเล็กซ์ มา เปิดเผยว่า “ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทฯ ฉลองครบรอบดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 55 ปี และบริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยผลประกอบการรวมเติบโตสูงถึง 24% ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก
โดยกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้สูงสุดให้แก่บริษัทฯ ได้แก่ สินค้ากลุ่มตู้เย็น มีอัตราการเติบโต 20% รองลงมาได้แก่กลุ่มเครื่องซักผ้า เติบโตถึง 39% ในขณะที่กลุ่มสินค้าอื่น เช่นกลุ่มเตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21% กลุ่มสินค้าหม้อหุงข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10% กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับน้ำ อาทิ เครื่องทำน้ำอุ่น ทรงตัว สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ แม้โตชิบาจะไม่เติบโต แต่ภาพรวมตลาดติดลบเกิน 10%
เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ เติบโต 82% เพียงแต่สัดส่วนการขายไม่มาก และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2567) เราสามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 5 ปี ได้ถึง 15%”
จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบัน โตชิบามีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยกลุ่มสินค้าไมโครเวฟ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์ 29% กลุ่มตู้เย็น อันดับ 2 ด้วยแชร์ 15.9%
กลุ่มหม้อหุงข้าว อันดับ 2 ด้วยแชร์ 9% และกลุ่มเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ด้วยแชร์ 11.1 % ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับของตลาด จนส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ ที่บริษัทฯ ทำกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอด
โดยเฉพาะปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ได้คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ มาช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ ด้วยคุณภาพ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์โตชิบา ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคและคู่ค้า ในแง่ของความทนทาน ดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมไปถึงแนวความคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในรายละเอียด และความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก
ทำให้ผลิตภัณฑ์โตชิบาได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นในทุกๆ ปี มากไปกว่านั้น เรามีพันธมิตรทางการค้าที่ดี ที่เชื่อมั่นในโตชิบา ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุม ทั่วถึง และมีการจัดการบริหารงานภายใน ทั้งในเรื่องซัพพลายเชน และการทำงานเป็นทีมเวิร์คได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
มร.อเล็กซ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% และเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อันดับ 1 ในประเทศไทย นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยเน้นเจาะตลาดผู้ใช้กลุ่ม Mid to High ที่ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์ และคุณสมบัติสินค้ามากขึ้น
สำหรับในส่วนการตลาด เทุ่มงบเพิ่มขึ้นมาก อัดงบการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 14% ของรายได้ จากเดิมงบการตลาดอยู่ที่ 10-12% นอกจากการทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ และออฟไลนด์แล้ว ปีนี้ เราอัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาค และยังมีแผนการตลาดอีกมากมายที่ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการขาย
และส่วนสุดท้ายที่ โตชิบาให้ความสำคัญ คืองานบริการ เพราะเราให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยมีแผนเพิ่มช่องทางพิเศษสำหรับให้บริการสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ มีการเพิ่มรถโมบายเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยเพิ่มทีมการให้บริการถึงบ้าน (Onsite service) รวมไปถึงการขยายจำนวนศูนย์บริการ และการปรับภาพลักษณ์ศูนย์บริการพรีเมียม และงานบริการให้สะดวก รวดเร็วมากขึ้น” มร.อเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้าย
นายเอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โตชิบาวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ไว้ 3 แกนคือ
สำหรับตู้เย็น ปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมบริษัทฯ เติบโตถึง 20% และเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มตู้เย็นประตูเดียว และตู้เย็น 2 ประตูขนาดเล็กมายาวนาน ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 40% และเราโต 14% ในขณะที่ตู้เย็นขนาดกลาง โตขึ้นถึง 60% และตู้เย็นขนาดใหญ่ ไซด์บายไซด์ และตู้เย็น 4 ประตู ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ตลาดโตสูงสุด โตชิบาโตขึ้น 200% และทำให้ตู้เย็นโตชิบารุ่น GR-RS600 ขึ้นแท่นเป็นตู้เย็นไซด์บายไซด์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย สำหรับปี 2568 นี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ ถึง 11 รุ่น และตั้งใจพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
สำหรับเครื่องซักผ้า ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่เครื่องซักผ้าโตชิบาเติบโตสูงสุด โดยเติบโตถึง 40% โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาบนความจุ 12 กิโลกรัมขึ้นไปที่โตสูงถึง 70% ปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ดี เพราะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่เราย้ายฐานการผลิตเครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 10-17 กิโลกรัม และเครื่องซักผ้าฝาหน้าบางส่วนมาผลิตในประเทศไทย ทำให้ราคาสินค้าสามารถแข่งขันกับตลาดได้มากขึ้น ส่งผลให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าของโตชิบา เติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในขณะที่ตลาดโตเพียง 6.3% สำหรับปี 2568 นี้ มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องซักผ้าใหม่มากถึง 19 รุ่น ตั้งเป้าเติบโต 20% โดยไฮไลท์แรกคือการเพิ่มไลน์อัพเครื่องผ้าฝาบนความจุ 18-19 กิโลกรัม
สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก ทั้งที่ใช้ในครัวและในบ้าน แบรนด์ผู้นำอย่างแท้จริงด้วยผลิตภัณฑ์กว่า 130 รุ่น โดยพระเอกของสินค้ากลุ่มนี้คือ ไมโครเวฟที่เติบโตต่อเนื่องจนทำให้โตชิบา เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด นอกจากนี้ยังมีหม้อหุงข้าวของโตชิบา ที่นับเป็นไฮไลท์ที่ต้องถูกพูดถึงในเพจโซเชียลต่างๆมากมาย
นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลอง โตชิบาครบรอบ 55 ปีแล้ว เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากการสร้างแบรนด์ โดยใช้กลยุทธ์แอมบาสเดอร์มาร์เก็ตติ้ง คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยขยายฐานลูกค้ากลุ่มเดิมเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูสมาร์ท อบอุ่น และทันสมัยยิ่งขึ้น สำหรับในปี 2568 นี้อัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีมิสเตอร์ ทาคาชิ โซริมาจิ พระเอกและนักแสดงชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาตอกย้ำภาพลักษณ์โตชิบา แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น โดยได้ปล่อยหนังโฆษณาชุดแรกทางโซเชียล และป้ายโฆษณาทั้งนอกและในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่ต้นปี
นอกจากนี้ ยังมีแผนปล่อยหนังโฆษณาชุดใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์ ใส่ใจทุกดีเทล” โดยมีไอเดียจาก 5 จุดเด่นของความเป็นญี่ปุ่น คือ ดีไซน์ (Design) ดีเทล (Detail) คุณภาพ (Quality) ความไว้ใจได้ (Trust) และ นวัตกรรม (Innovation) ทั้งนี้จะเผยแพร่ทางทีวี สื่อออนไลน์ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน บิลบอร์ดในกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมไปถึงในออฟฟิศสำนักงาน รวมทั้งหมดกว่า 3,000 สกรีน นอกจากนี้ ยังมีสื่อ ณ จุดขาย และการทำคอนเทนต์ดิจิทัล โซเชียลมาร์เก็ตติ้ง และเสริมทัพด้วย KOLs ที่จะมาทำให้ผู้บริโภครู้จัก เข้าใจ และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์โตชิบามากยิ่งขึ้น”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี ของการดำเนินธุรกิจของโตชิบา ไทยแลนด์ ซึ่งตลอดปีบริษัทฯ มีกิจกรรมการการตลาดและแคมเปญที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
หากขาดทีมงานชาวอิฐแดงทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่รวมกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง รวมถึงพาร์ทเนอร์ ตัวแทนจำหน่ายที่ให้การสนับสนุนโตชิบาเป็นอย่างดี และลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘TOSHIBA’ จนบริษัทฯ เดินทางมาถึงปีที่ 55 ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเป็นอีกปีที่เราต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่น ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของใช้งานของทุกคน เพิ่มความสะดวกสบาย เสริมสร้างสุขภาพที่ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม