จับตาบอร์ดกพอ.เคาะแก้ร่างสัญญา “ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน”

08 ม.ค. 2568 | 13:33 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2568 | 13:50 น.

“สกพอ.” ลุ้นบอร์ดกพอ.ไฟเขียวแก้ร่างสัญญา “ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน” เตรียมส่งอัยการสูงสุดตรวจสอบภายใน 45 วัน มั่นใจครม.เคาะลุยลงนามสัญญาฯภายในไตรมาส 1 ปีนี้

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (8 ม.ค.2567) ที่ ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งจะมีการนำเรื่อง การแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หรือไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ด้วย 

ขณะเดียวกันการนำร่างแก้ไขสัญญาฯ เสนอต่อบอร์ดกพอ.ในครั้งนี้ เป็นการนำร่างแก้ไขสัญญามาทบทวนเพื่อดำเนินการลงนามสัญญา โดยผ่านความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพียงครั้งเดียว จากเดิมตามกระบวนการที่ต้องเสนอต่อครม. จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งอาจทำให้โครงการฯมีความล่าช้า
 

ทั้งนี้ตามกระบวนการหากที่ประชุมกพอ.อนุมัติ จากนั้นจะเสนอต่ออัยการสูงสุดตรวจสอบร่างสัญญาฯ ใช้ระยะเวลาประมาณ 45 วัน ก่อนนำมาเสนอต่อบอร์ดกพอ.พิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะเสนอเข้าครม.เห็นชอบร่างแก้ไขสัญญาไฮสปีดฯ และลงนามสัญญาร่วมกับเอกชนได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 

สำหรับการเสนอการแก้ไขสัญญาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ประกอบด้วย วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (PIC) เมื่อเอกชนเปิดเดินรถ รัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่ รฟท. ตรวจรับ วงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท โดยเอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม รวมเป็นจำนวน 160,000 ล้านบาท เพื่อรับประกันว่าจะก่อสร้างและเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงฯ ได้ภายใน 5 ปี

ด้านการกำหนดชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) โดยให้เอกชนแบ่ง ชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่า ๆ กัน โดยชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญา ขณะเดียวกันเอกชนจะต้องวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร ในมูลค่าเท่ากับค่าสิทธิ ARL รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเงินอื่นที่ รฟท. ต้องรับภาระ
 

ส่วนการกำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการฯ ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ และเป็นผลให้เอกชนได้ผลประโยชน์ตอบแทน (IRR) เพิ่มขึ้นเกิน 5.52% รฟท.มีสิทธิเรียกให้เอกชนชําระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ ตามจำนวนที่จะตกลงกันต่อไป

นอกจากนี้การยกเว้นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) โดยให้คู่สัญญาจัดทำบันทึกข้อตกลงยกเว้นเงื่อนไข NTP ที่ยังไม่สำเร็จ เพื่อให้ รฟท. สามารถออก NTP ได้ทันที เมื่อลงนามสัญญาที่แก้ไขตามหลักการทั้งหมด รวมถึงการป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการฯ โดยปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนของเหตุสุดวิสัยและเหตุผ่อนผัน ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการอื่น