พิชัย เล็งถกสหรัฐ ลดภาษีเนื้อวัว-นำเข้าข้าวโพด ขอ AMCHAM เป็นกระบอกเสียง

10 ธ.ค. 2567 | 08:20 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2567 | 09:13 น.

“พิชัย” ชวนสมาชิกหอการค้าอเมริกัน AMCHAM ลงทุนไทยเพิ่ม เร่งใช้แต้มต่อ FTA ไทย ผลักดันเศรษฐกิจ เตรียมบินสหรัฐ ถก ลดภาษีเนื้อวัวจากสหรัฐฯ หรือนำเข้าข้าวโพด

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดและกล่าวปาฐกถาในงาน AMCHAM Member Luncheon ที่จัดโดยหอการค้าอเมริกันแห่งประเทศไทย (AMCHAM) โดยมีนางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย(AMCHAM) นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และสมาชิก AMCHAM เข้าร่วมกว่า 250 คน ณ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ

 

พิชัย เล็งถกสหรัฐ ลดภาษีเนื้อวัว-นำเข้าข้าวโพด ขอ AMCHAM เป็นกระบอกเสียง

นายพิชัย กล่าวว่า เป้าหมายและแผนงานของตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตรวดเร็วที่สุด และส่งเสริมทั้งด้านการค้าและการลงทุนกับนักธุรกิจจากต่างประเทศโดยเฉพาะกับหอการค้าอเมริกัน ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปประชุมเอเปคที่เปรู พบว่า ประเทศในแถบอเมริกาใต้ เช่น ชิลี บราซิล อาร์เจนตินา รวมทั้งเปรู มี GDP และรายได้ต่อหัวที่สูงกว่าประเทศไทย ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% ต่อปี 

ทั้งนี้ ไทยต้องเร่งเดินหน้าการเติบโตเศรษฐกิจ และ ดึงดูดการลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจการค้าของไทยในปี 2567 ดีมากขึ้นและมีการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ PCB และ Data centers เป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ก็ยังเกินดุลนั้น เป็นผลจากการส่งออกของบริษัทสหรัฐฯในประเทศไทยกลับไปยังสหรัฐฯ เช่น Western Digital, Seagate, HP

 

พิชัย เล็งถกสหรัฐ ลดภาษีเนื้อวัว-นำเข้าข้าวโพด ขอ AMCHAM เป็นกระบอกเสียง

 

หลังจากนี้ตนมีแผนจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อเจรจากับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐไม่ให้มีการขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกจากไทย โดยไทยอาจเสนอให้ลดภาษีเนื้อวัวจากสหรัฐฯ หรือนำเข้าข้าวโพดมากขึ้น แทนการขึ้นภาษี และขอให้สมาชิก AMCHAM หรือสมาชิกของหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยและภาคเอกชนของสหรัฐฯ ช่วยเป็นกระบอกเสียงว่าไทยจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ กับไทยมากขึ้น

นอกจากนี้ ไทยมีข้อได้เปรียบหลายประการในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุน โดยปัจจุบันไทยมี FTA กับประเทศต่างๆ รวม 15 ฉบับ กับ 18 ประเทศ และล่าสุดคือเราไทยสามารถผลักดัน FTA ไทย-เอฟตา ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ให้ประสบความสำเร็จ 

ขณะนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมลงนามในช่วงการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ดาวอส ในเดือน มกราคม 2568 ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมด้วย เป็นไปตามนโยบายของท่านนายกฯ ในการเร่งเปิดประตูทางการค้า หลังจากนี้ไทยจะเร่งผลักดัน FTA ฉบับอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว ทั้ง ไทย-อียู ไทย-UAE ไทย-เกาหลีใต้ และ ASEAN-แคนาดา เพื่อช่วยให้นักลงทุนและผู้ประกอบการไทยมีแต้มต่อทางการค้า ซึ่งไทยพร้อมอำนวยความสะดวกนักธุรกิจที่ต้องการมาลงทุนในไทย และหากผู้ประกอบการคนใดพบปัญหาสามารถส่งเรื่องมาที่กระทรวงพาณิชย์ติดต่อประสานงานหรือแก้ไขปัญหาให้ได้

พิชัย เล็งถกสหรัฐ ลดภาษีเนื้อวัว-นำเข้าข้าวโพด ขอ AMCHAM เป็นกระบอกเสียง

รมว.พาณิชย์ ยังได้เล่าถึงนโยบายในการดูแลผู้ประกอบการกลุ่ม SME ตั้งใจจะสร้าง Thailand Brand by ตามด้วยชื่อสินค้าหรือบริษัท เพื่อการันตีสินค้าไทยที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม จะช่วยให้ผู้บริโภคจากทั่วโลกไว้ใจได้ว่าเป็นสินค้าคุณภาพดีจากฝีมือของคนไทย นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญของ SMEs คือการไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่มีปริมาณมาก กระทรวงพาณิชย์ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานรวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs ในแหล่งต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อ

 

พิชัย เล็งถกสหรัฐ ลดภาษีเนื้อวัว-นำเข้าข้าวโพด ขอ AMCHAM เป็นกระบอกเสียง

ผู้สื่อข่าวระบุว่า ในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจของสมาชิกหอการค้าอเมริกันแห่งประเทศไทย สามารถถามคำถามนายพิชัยได้พบว่า มีผู้สนใจถามคำถามนายพิชัยจำนวนมาก ทั้งในประเด็นการสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ปัญหาการขาดแคลนแรงมากในภาคอุตสาหกรรม การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ไทย-กัมพูชา ในฐานะแหล่งขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น