นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เป็นตัวแทนผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมการประชุมเอเชีย ชิปปิ้ง อัลไลแอนซ์ โดยมีสมาพันธ์ผู้ส่งออกเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา หรือรวมเรียกว่าสมาพันธ์ผู้ส่งออกนานาชาติเข้าร่วม
ทั้งนี้ได้มีการประชุมหารือกันใน 2 ประเด็นหลัก เรื่องแรก เป็นเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ที่เวลานี้ทุกคนได้ตื่นตัว และเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์ได้ประกาศจะปรับขึ้นภาษีสินค้าจากทั่วโลก 10-20% จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาสินค้าที่จะส่งไปสหรัฐมากขึ้น เพราะฉะนั้นผู้ส่งออกแต่ละประเทศต้องไปเตรียมตัว ในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้แข่งขันได้
เรื่องที่ 2 ที่ประชุมมองตรงกันว่าในแง่ของการค้าระหว่างประเทศนับจากนี้ คงจะต้องเน้นในแง่ของ Economies of Speed (การประหยัดจากความเร็ว ) มากขึ้น
“โลกการค้า การส่งออกในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ผลิตเยอะหรือผลิตหลายอย่าง แต่จะต้องรวดเร็ว และเกิด Economies of Speed มีการปรับตัวที่รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ส่งออกต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และตอบบริบทของการค้าในอนาคตที่คาดการณ์ยาก และเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา”
นอกจากนี้ที่ประชุมยังให้เน้นในเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยสหภาพยุโรป(อียู) เป็นผู้นำในการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน ที่ได้ดำเนินนโยบายหรือมาตรการมามากแล้ว ซึ่งทางอียูระบุจะเดินหน้าต่อและจะไม่ยอมถอยหลัง เช่น CBAM หรือ EUDR จะบังคับใช้แน่นอน
ถัดมาคือการค้าในอนาคตจะต้องให้ความสำคัญกับในเรื่องของการค้าเสรีที่เป็นธรรม (ฟรีเทรด แอนด์ แฟร์เทรด)ด้วย รวมถึงในเรื่องของโลจิสติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ยังจะดำรงอยู่ต่อไป ซึ่งทุกคนต้องปรับตัวทางด้านนี้เช่นกัน ดังนั้นการเชื่อมโยงข้อมูลกันโดยใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยเพื่อทำให้ระบบข้อมูลการค้า และระบบข้อมูลในการขนส่งระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบป้องกันความลับของข้อมูล(ไซเบอร์ซีเคียวริตี้) จึงถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
“ผลจากที่ประชุมในท้ายที่สุด สามารถสรุปได้ 3 ประเด็น คือ ในเรื่องของการขนส่งระหว่างประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ ที่ต้องเจอในเรื่องของการแข่งขันในแง่ของต้นทุน เพราะว่าทุกคนก็พยายามขายของในภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงตึงตัว เรื่องที่สอง เป็นเรื่องทางด้านดิจิทัล แอนด์ กรีน อีโคโนมี
และเรื่องที่ 3 คือ เรื่องของธรรมาภิบาล (Good Governance) ที่การค้าต้องฟรีเทรด และ แฟร์เทรด ซึ่งที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และมาติดตามความคืบหน้าของกฎระเบียบใหม่ ๆ ถ้าตรงไหนมีอุปสรรคก็อาจจะทำข้อเสนอไปยัง WTO หรืออังค์ถัด โดยในปีหน้าไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสมาพันธ์ผู้ส่งออกนานาชาติ”