ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี

06 ธ.ค. 2567 | 15:39 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2567 | 15:52 น.

ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี ปรับแผนการลงทุนตั้งเป้า 7% ต่อปี ยืดอายุกองทุนได้ 10 ปี ยืนยันจุดยืนเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน ดึงประชาชนเข้าประกันตน พร้อมเคลียร์ปม รพ.​เอกชน

KEY

POINTS

  • ประกันสังคมระบุ ปรับสูตรบำนาญเพื่อความเป็นธรรมเปลี่ยนจากเฉลี่ยฐานเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายเป็นรายได้ตลอดอายุงาน เพิ่มงบ 800-1,000 ล้านบาท/ปี แต่ช่วยดึงคนเข้าสู่ระบบได้เพิ่มขึ้น
  • วางแผนลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มผลตอบแทนปรับเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุน 5.3%-7% ต่อปี ยืดอายุกองทุนได้ถึง 10 ปี ลดพึ่งพาสินทรัพย์ในประเทศกระจายการลงทุนต่างประเทศ
  • เคลียร์ปม รพ.เอกชน ปรับค่า Adjust RW จาก 8,000 เป็น 12,000 บาท เพิ่มรายจ่าย 4,000-9,000 ล้านบาท ต้องพัฒนาระบบ Audit ลดการรั่วไหลของเงิน

ในวันที่ 11 ธ.ค. 67 นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคม โดยจะมีการเสนอให้ปรับสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพซึ่งอาจทำให้ต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณที่มากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ของกองทุนประกันสังคม ที่หากคำนวณตามคณิตศาสตร์ประกันภัยแล้ว เงินกองทุนฯมีโอกาสที่จะเหลือ 0 บาท ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี ต่อจากนี้ นั่นหมายความว่า ผู้ประกันตนมากกว่า 24 ล้านคน เสี่ยงที่จะไม่มีเงินดูแลจากกองทุนในยามแก่ชรา

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม ให้สัมภาษณ์กับรายการ ‘ฐานทอล์ก’ เปิดเผยแผนการปรับเปลี่ยนสูตรคำนวณบำนาญชราภาพครั้งสำคัญ จากเดิมจะเป็นการนำเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณมาคิดเป็นฐานเงินบำนาญ​ เปลี่ยนเป็นการเฉลี่ยรายได้ตลอดอายุการทำงานของผู้ประกันตน เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในระบบเดิม ที่ผู้ประกันตนบางรายได้รับเงินบำนาญลดลงอย่างมาก เนื่องจากฐานเงินเดือนช่วงท้ายต่ำลง

ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี

ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนที่มีฐานเงินเดือน 15,000 บาทในช่วงต้นของการประกันตน แต่เมื่อใกล้เกษียณมีผู้ประกันตนหลายรายถูกปรับลดฐานเงินเดือน หรือบางรายไม่มีรายได้ โดยเฉพาะในช่วง 60 เดือนสุดท้าย ก็จะทำให้ได้รับเงินบำนาญที่น้อยมาก ๆ บางรายรับเงินบำนาญเพียง 2,000-3,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

“หากเปลี่ยนสูตรใหม่ การเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญที่สอดคล้องกับรายได้จริงมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นราว 800-1,000 ล้านบาทต่อปี แต่จะสร้างความเป็นธรรมและดึงดูดผู้ประกันตนกลับเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้มากขึ้น”

 

รายจ่ายเพิ่ม รายได้ลด

ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ โดยในไม่กี่ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าแรงงานในระบบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้รายจ่ายของกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคมระบุว่า ปี 2566 รายรับของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 293,215 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายอยู่ที่ 156,779 แต่ในไตรมาสแรกของปี 67 รายรับของกองทุนอยู่ที่ 100,862 ล้านบาท ส่วนรายจ่ายอยู่ที่ 49,374 ล้านบาท ซึ่งดูจากตัวเลขแล้วยังมีรายได้ที่เพียงพอรายจ่าย

ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี

ขณะเดียวกันเงินสมทบสะสม และผลประโยชน์สะสมจากการลงทุน ย้อนหลัง 10 ปี (ปี 2558-2567) ยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างปี 2566 มูลค่าของกองทุนฯ อยู่ที่ 2,439,912 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2567 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2,586,369 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุว่า นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะมูลค่าของกองทุนกำลังจะเข้าสู่รูปแบบระฆังคว่ำ

ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี

“ปัจจุบัน เราอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่อนาคตมันจะลดลง เพราะแรงงานลดลง ตามการคำนวณคณิตศาสตร์ประกันภัย กองทุนฯ จะเป็น 0 บาท ภายในเวลา 26 ปี ดังนั้น การจัดการ Aging Society จำเป็นต้องมองประกันสังคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รัฐบาลควรสนับสนุนเชิงงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่น เช่น ถนนหรือระบบขนส่งสาธารณะ”

 

ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มผลตอบแทน-ยืดอายุกองทุน

เพื่อเพิ่มความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น สินทรัพย์นอกตลาด (Private Equity) และการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสินทรัพย์ในประเทศ

ข้อมูลการลงทุนปัจจุบัน :

  • กองทุนประกันสังคมมีมูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท
  • การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย 70.69%
  • การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 29.31%

ประกันสังคม เคลียร์ปม ‘ถังแตก’ ภายใน 30 ปี

เป้าหมายการลงทุนใหม่ตั้งไว้ที่ผลตอบแทน 5.3% ต่อปี ซึ่งจะช่วยยืดอายุกองทุนออกไปได้ 3-4 ปี และหากผลตอบแทนแตะ 7% ต่อปี จะสามารถขยายอายุกองทุนไปได้มากกว่า 10 ปี โดยการที่จะไปถึงจุดนั้น ต้องขยายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้ได้มากขึ้น ซึ่งเฟสแรกได้เริ่มดำเนินการแล้วให้ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเป็น 40% และวางแผนขยายสู่ 50% ในอนาคต

“หากเราสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้เพียง 1% เช่น จาก 5% เป็น 6% จะหมายถึงรายได้เพิ่มขึ้น 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถนำไปลงทุนต่อยอดและขยายสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนได้มากขึ้น” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว

 

โรงพยาบาลเอกชนกับปัญหาค่า Adjust RW

หนึ่งในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงในขณะนี้คือการเพิ่มค่ารักษาพยาบาลในระบบประกันสังคม โดยเฉพาะการปรับค่า Adjust RW สำหรับผู้ป่วยในจาก 8,000 บาทเป็น 12,000 บาท ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนให้กองทุนปีละ 4,000-9,000 ล้านบาทในปี 2571

ปัจจุบันค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในกองทุนฯ คิดเป็น กว่า 80% ของรายจ่ายในกองนี้ หากไม่มีระบบตรวจสอบที่เข้มงวด อาจทำให้เงินกองทุนติดลบเร็วขึ้น สิ่งสำคัญคือการออกแบบระบบตรวจสอบ (Audit) ที่โปร่งใส เพื่อให้การเบิกจ่ายสอดคล้องกับความเป็นจริง ลดการรั่วไหล และรักษาความมั่นคงระยะยาว

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสำนักงานประกันสังคมในครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามในการยกระดับระบบประกันสังคมให้ตอบโจทย์ความเป็นธรรม และเตรียมพร้อมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ขณะที่ผู้ประกันตนกว่า 24 ล้านคนทั่วประเทศจับตามองว่าการปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะสร้างผลกระทบเชิงบวกได้มากน้อยเพียงใด