“อมตะ” ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน-สร้างมูลค่าเพิ่ม EEC รับทุนจีนย้ายฐานผลิต

นายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยถึงทิศทางในปี 2568 โดยยังมองว่ากระแส China Plus One จะยังดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นกระแสที่เด่นชัดมาตั้งแต่ช่วงหลังความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน 

รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ทำให้การย้ายฐานการผลิตนอกประเทศจีนไปมาสู่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยอมตะจะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการให้บริการ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีนักลงทุนจากหลายประเทศเข้ามาให้ความสนใจลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งต่างมองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญระดับภูมิภาค ภายใต้การคาดการณ์ในปี 2567 ซึ่งเห็นได้จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยมียอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มียอดรอการรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) อยู่ที่ 16,939 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 50% และอีก 50% ในปี 2568
 

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมของอมตะอยู่ในจ.ชลบุรี และระยอง  ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิตี้ ระยอง และนิคมไทย-จีน จ.ระยอง โดยนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) โดยผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์จากแรงจูงใจที่สำคัญจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) อีกทั้งพื้นที่ EEC ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาค

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศนั้น อมตะได้เข้าไปลงทุนใน 2 ประเทศหลัก คือ เวียดนาม และ สปป.ลาว โดยในเวียดนาม ประกอบไปด้วย นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง และโครงการนิคมฯร่วมทุนกับพันธมิตรนานาชาติอีก  1 แห่ง ได้แก่ 1.นิคมฯอมตะซิตี้ เบียนหัว 2.นิคมฯอมตะซิตี้ ลองถั่น 3.นิคมฯอมตะซิตี้ ฮาลอง และ 4.นิคมฯ กว่างจิ (Joint Venture)  คิดเป็นมูลค่าลงทุนทั้งสิ้นกว่า 860 ล้านเหรียญสหรัฐ บนพื้นที่ดินที่ได้รับใบอนุญาต 3,000 เฮกตาร์ (18,750 ไร่)  

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย แขวงหลวงน้ำทา และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ แขวงอุดมไซ 
 

อย่างไรก็ดี ในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่มีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ประกอบการจากทั่วโลก ซึ่งอมตะได้วางแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น ระบบพลังงานสะอาด การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยช่วยส่งเสริมให้อมตะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาทำเลที่ดีและเชื่อมโยงการผลิตสู่การส่งออกในภูมิภาคอาเซียน

นายโอซามู กล่าวอีกว่า ได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกพื้นที่พัฒนาเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการผสมผสานสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ผู้เช่าและนักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจสามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อมตะยังให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบผ่านโครงการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม