ความท้าทายนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” โจทย์ใหญ่เขย่าธุรกิจเทคโนโลยี

06 ธ.ค. 2567 | 07:30 น.

แอดวานซ์เทค แนะรัฐเร่งรับมือนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” กระทบธุรกิจเทคโนโลยี เสนอเร่งผลักดันการพัฒนาคน รวมทั้งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเนเทคโนโลยีต่าง ๆ ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ

หลายหน่วยงานเฝ้าจับตานโยบาย “ทรัมป์ 2.0” ภายหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและเตรียมก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัยที่ 2 ในช่วงประมาณกลางเดือนมกราคม 2568 นี้ ประเด็นสำคัญที่เป็นข้อกังวลเกี่ยวกับนโยบายที่จะออกมาแน่ ๆ นั่นคือ การทำสงครามการค้า เพิ่มกำแพงภาษี ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเจอหางเลขเข้าไปด้วย

ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารของบริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Advantech ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่น AI IoT และคอมพิวเตอร์เฉพาะทางระดับโลก ซึ่งประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี ร่วมถอดมุมมองผลกระทบกับฉากทัศน์ต่อไปเกี่ยวกับผลกระทบ รวมถึงการเตรียมตัวรองรับนโยบายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

 

ความท้าทายนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” โจทย์ใหญ่เขย่าธุรกิจเทคโนโลยี

 

นายวุฒิศักดิ์ สุวรรณศรี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Smart Manufacturing ของแอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่นฯ มองว่า ประเทศไทยต้องเร่งหาทางรองรับผลกระทบจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” เพราะขณะนี้ประเทศไทยติดอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศที่สหรัฐเสียดุลการค้า เพราะการกลับมาของทรัมป์ในครั้งนี้ ได้ประกาศยกระดับนโยบาย MAGA (Make America Great Again) ผ่านการตั้งกำแพงภาษีที่หนักหน่วง 

สะท้อนแนวคิดที่มุ่งผลักดันผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลาง ประกาศสงครามการค้าโดยไม่จำกัดแค่สินค้าจีน แต่ยังหมายรวมถึงประเทศอื่นๆ ที่ทำให้สหรัฐฯ เสียดุลการค้าด้วย ดังนั้นจึงต้องเร่งเตรียมตัวให้พร้อมกับผลกระทบ ดังนี้

1.การเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิต โดยเฉพาะในสินค้าสำเร็จรูป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ 

2.การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้ากับยุโรป ที่ให้ความสำคัญกับ ESG 

3.รัฐต้องลงทุนในโครงสร้างดิจิทัลและพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับอนาคต 

4.นโยบายจูงใจทางภาษี ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบที่เอื้อต่อการลงทุน จากปัจจัยสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ

ทั้งนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกยังไม่มีทีท่าสงบ ประเทศไทยต้องมองการณ์ไกลและวางระบบที่ยั่งยืนที่สุด สร้างเศรษฐกิจที่ไม่เพียงรอดพ้นแรงกระแทกจากวิกฤต แต่ยังสามารถยกระดับตัวเองสู่สถานะผู้เล่นที่มีอำนาจต่อรองบ้างในเวทีโลกด้วย

ขณะเดียวกันยังมองว่า ภาครัฐควรเร่งผลักดันการพัฒนาคน และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเนเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบ 5G และระบบการขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดการลงทุน เพราะเห็นว่าการอยู่รอดในช่วงสงครามการค้านั้น ต้องโฟกัสที่การดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขัน และยังมีโอกาสพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเปลี่ยนโฉมจากIndustrial 2.0 มาสู่การนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI  IoT และระบบ Automation มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 

“เทคโนโลยี AI ในโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น จากการศึกษาของ PwC คาดว่า AI จะเพิ่ม GDP โลก 15.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี ค.ศ.2030 โดย 45% ของการเติบโตมาจากการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและการปรับกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ” 

 

ความท้าทายนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” โจทย์ใหญ่เขย่าธุรกิจเทคโนโลยี

 

อย่างไรก็ดี แอดวานซ์เทค มีผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟท์แวร์ (Software) ที่จะช่วยยกระดับให้ประเทศไทยก้าวสู่ Industrial 4.0 ได้ เช่น WISE-PaaS แพลตฟอร์ม IoT ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ในระบบทั้งหมดได้ เพราะปัจจุบันในหลายโรงงานของไทยมี IoT แต่ไม่สามารถรวมระบบให้ทำงานประสานงานกันได้ 

นอกจากนี้ จากประสบการณ์ที่พบในโรงงานไทยคือ การนำนวัตกรรมเข้าไปทำระบบ 4.0 แต่พบปัญหาที่พนักงานไม่รู้ว่าจะเริ่มที่จุดไหน แต่ WISE-PaaS สามารถช่วยได้ เพราะเรามีระบบครอบคลุมการทำงานทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องเริ่มต้นที่ศูนย์ เราเชื่อว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อุตสาหกรรมไทยจะสามารถพัฒนาไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก ทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

นายชอง เป็ง ชู ผู้จัดการทั่วไป แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่นฯ กล่าวว่า ความสำคัญของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการจะต้องเริ่มต้นที่การวางแผนว่าจะใช้ AI ในขั้นตอนการผลิตใด โดยหลักแล้วจะนำ AI มาใช้ในรูปแบบ Vision AI เพื่อช่วยตรวจสอบคุณภาพสินค้า ตรวจตำแหน่งโลโก้ การเก็บข้อมูลด้านพลังงาน การอบรมพนักงานใหม่ และการคาดการณ์ปัญหาของเครื่องจักร เป็นต้น

 

ความท้าทายนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” โจทย์ใหญ่เขย่าธุรกิจเทคโนโลยี

 

สำหรับประเทศไทยแอดวานซ์เทค ได้เน้น 2 ด้านหลัก ได้แก่ Smart Manufacturing คือการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า การจัดการจำนวนชิ้นงาน บรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัย เพื่อเพิ่ม Productivity และลดความยุ่งยากในกระบวนการที่ซับซ้อน อีกส่วนคือ Smart City ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในด้าน Healthcare, Tollway และ Infrastructure 

อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในการประมวลผลยังคงเผชิญความท้าทาย เพราะต้องใช้งบประมาณสูง แม้จะมีอุปสรรค แต่ก็ยังคงผลักดัน AI เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ธุรกิจและสังคมไทยด้วย