เปิดผลจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) ย้อนหลัง 10 ปี รายได้หลักรัฐบาล

05 ธ.ค. 2567 | 15:15 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ธ.ค. 2567 | 15:20 น.
532

เปิดข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) แนวโน้มโตต่อเนื่อง ล่าสุด ปีงบ 67 รีดรายได้ทะลุ 9.47 แสนล้านบาท หนึ่งในรายได้หลักรัฐบาล

หลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาส่งสัญญาณว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาปรับโครงสร้างภาษี อาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ขึ้นจากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 7% จากกฎหมายที่ระบุให้เก็บได้ถึง 10% ขณะที่ทั่วโลกจัดเก็บภาษีเฉลี่ยสูงถึง 15-25%

โดย “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สืบค้นข้อมูลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล บนเว็บไซต์สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พบว่า การจัดเก็บภาษี VAT เป็นรายได้อันดับหนึ่งของกรมสรรพากร โดยข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี แนวโน้มการเก็บภาษี VAT สูงขึ้นเรื่อยๆ ลดลงเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด

โดยในปีงบประมาณ 2567 (1 ต.ค.66 – 30 ก.ย.67) เก็บภาษี VAT ได้สูงเป็นประวัติการณ์ ที่ 947,320 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

  1. ปีงบประมาณ 2558 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 709,032 ล้านบาท
  2. ปีงบประมาณ 2559 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 716,384 ล้านบาท
  3. ปีงบประมาณ 2560 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 742,258 ล้านบาท
  4. ปีงบประมาณ 2561 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 792,999 ล้านบาท
  5. ปีงบประมาณ 2562 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 799,664 ล้านบาท
  6. ปีงบประมาณ 2563 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 745,017 ล้านบาท
  7. ปีงบประมาณ 2564 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 793,243 ล้านบาท
  8. ปีงบประมาณ 2565 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 930,122 ล้านบาท
  9. ปีงบประมาณ 2566 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 913,581 ล้านบาท
  10. ปีงบประมาณ 2567 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 947,320 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบัน พบว่า 1 เดือนแรก ในปีงบประมาณ 2568 จัดเก็บภาษี VAT ได้ 79,075 ล้านบาท

สำหรับแนวคิดการปรับเพิ่มอัตราภาษี VAT นั้น หลายรัฐบาล มีความพยายามที่จะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับเพิ่มขึ้นของภาษี VAT ทุก 1% จะส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่แนวคิดนี้ มีเสียงคัดค้านมาโดยตลอด เนื่องจากมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง

โดยการออกมาประกาศแนวคิดนโยบายเช่นนี้ คาดว่า รัฐบาลกำลังโยนหินถามทาง ซึ่งถือได้ว่าการปรับขึ้น VAT เป็นงานวัดใจรัฐบาล ภายใต้การกำกับของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจเดินหน้าอย่างไร