จับตา ครม.สัญจร เชียงใหม่ จัดหนักดันสารพัดโครงการลงพื้นที่ภาคเหนือ

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) ที่จังหวัดเชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งแรกของรัฐบาล ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยมีวาระน่าสนใจที่จะเสนอให้กับที่ประชุมพิจารณาในวันนี้ คือการพิจารณาข้อเสนอโครงการพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งทางพื้นที่ได้รวบรวมข้อเสนอของจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่หลายโครงการ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ครอบคลุมด้านการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2567 มาเสนอให้ครม.พิจารณา

โดยก่อนหน้านี้ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกับฐานเศรษฐกิจว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน เสนอให้ครม.สัญจร พิจารณาทั้งมาตรการเร่งด่วน ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม เช่น การพักชำระหนี้เงินต้น หรือลดดอกเบี้ย 6 เดือนถึง 1 ปี และการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีมาตรการระยะยาวที่ภาคเอกชนยังเสนอให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้รับการผลักดันออกมาสำเร็จ ทั้ง โครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Tram) การก่อสร้างสนามบินล้านนา ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สองของเชียงใหม่ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ด้วย

ส่วนวาระอื่น ๆ ที่คาดว่าจะเสนอเข้ามาในการประชุมครม.สัญจร เชียงใหม่ครั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เตรียมเสนอขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ การเตรียมความพร้อมโครงการ และฟื้นฟูโครงการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน 564 รายการ วงเงิน 2,999.8 ล้านบาท

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ยืนยันว่าจะเสนอการต่ออายุมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท หรือรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ ออกไปอีก 1 ปี หลังจากมาตรการนี้จะสิ้นสุดอายุในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและค่าเดินทางของประชาชน

ขณะที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท จำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน โดยใช้เงินงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตชาวนาปีการผลิต 2567/68 ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นมีรายงานว่าจะยังไม่เสนอเข้ามายังครม.รอบนี้ เพราะต้องรอการทำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอเข้ามาประกอบการพิจารณาก่อน

อย่างไรก็ตามแม้โครงการแจกเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ จะยังไม่เสนอเข้าครม.สัญจร ครั้งนี้ แต่เบื้องต้นที่ประชุมครม. อาจจะพิจารณาโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน เช่น โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68, โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2567/68 หลังจากโครงการดังกล่าว ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เรียบร้อยแล้ว