ม.หอการค้า คาด GDP ปี 68 โต 3% จับตาสงครามการค้า ทรัมป์ 2.0

28 พ.ย. 2567 | 14:16 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2567 | 16:45 น.

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เผยคาดปี 2568 GDP โต 3% การลงทุน-ภาคการท่องที่ยวเริ่มฟื้นตัว หนุนภาครัฐใช้มาตรการ “ช้อปดีมีคืน หรือ Easy e-Receipt ดันเศรษฐกิจ จับตาสงครามการค้า ทรัมป์ 2.0 หากขึ้นภาษีนำเข้าอาจะส่งผลกระทบไทย 1.6 แสนล้านบาททันที

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 2567 และ 2568 เปิดเผยว่า ภาพรวม GDP ไทยในไตรมาสที่ 4 จะโต 3.6% ส่งผลให้ GDP ปี 2567 โตตามคาดการณ์ก่อนหน้านี้ 2.6% 

ทั้งนี้ ผลดีและผลลบที่ส่งผลให้ GDP ปี 2567 โตตามคาดการณ์ก่อนหน้านี้ 2.6% ด้านบวก เนื่องจากมีการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการว่าการส่งออกทั้งปี 67 จะขยายตัวถึง 4.6% บริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยขยายตัวที่ 5.0% โดยได้แรงสนับสนุนจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ขณะที่รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ 35-36 ล้านคน 

ด้านลบ เนื่องจากสถานการณ์การน้ำท่วมในปี 2567 การลงทุนภาคเอกชนลดลง หดตัว 0.4% รวมถึงการสะสมสินค้าคงเหลือลดลง โดยช่วง 3 ไตรมาส มียอดสะสมลดลง 139.7 พันล้านบาท

นอกจากนี้ แม้ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะมีมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส1 โดยการเติมเงินในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 1 แสนกว่าล้าน แต่ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากกลบด้วยสถานการณ์น้ำท่วม ส่งผลทำให้ภาพรวม GDP ไทยโตเพียงแค่ 0.03% เท่านั้น และคาดว่ามีประชาชนเพียง 60% ใช้เงินหมดในทันที

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดการว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโต 3% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีความชัดเจนขึ้น การลงทุนเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการฟื้นตัวของของภาคการท่องที่ยว โดยคาดการว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชิตเข้ามาในประเทศ ปี 2568 จำนวน 40 ล้านคน อีกทั้งแนวโน้มการขยายตัวของการส่งออก อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงลด 

"ในปี 2568 ก็เห็นด้วยหากรัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป หรือ นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน หรือ Easy e-Receipt” กลับมาแทนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต" นายธนวรรธน์ กล่าว

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญในปี 2568 คือความเสี่ยงจากแนวโน้มสงครามการค้า ภาระหนี้สินของครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ความผันผวนของสินค้าภาคการเกษตร รวมถึงการเฝ้าระวังการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่ต้องมีการติดตามต่อไป

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่รุนแรงที่สุด คือ สงครามการค้า - สงครามภาษี (Trade war) จากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” ซึ่งจะทำให้การพยากรณ์เศรษฐกิจครั้งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากนโยบายกีดกันภาษีเกิดขึ้นจะทำให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจไทย ราว 1.6 แสนล้านบาททันที 

โดยได้ตั้งข้อสมมติฐานปัจจัยส่งผลกระทบต่อ GDP ไทยปีหน้า ไว้ 3 เรื่อง คือ 

1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามเป้า 

2. ไทยถูกสหรัฐ ขึ้นภาษี 10% 

3. ไทยถูกสหรัฐ ขึ้นภาษี 15% 

ดังนั้นจึงแนะนำให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน “ทรัมป์” จะเข้าสู่ตำแหน่งกลางเดือน พฤษภาคม 2568