รฟท. กู้เงินก้อนใหญ่ 1.7 หมื่นล้าน ขาดสภาพคล่องหนัก-เงินสดขาดมือ

19 พ.ย. 2567 | 16:09 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2567 | 16:15 น.

มติครม. เห็นชอบ รฟท. กู้เงินก้อนใหญ่ในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 17,500 ล้านบาท หลังเงินสดขาดมือ ทำให้ขาดสภาพคล่อง มอบคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ต่อไป

วันนี้ (19 พ.ย. 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 17,500 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์ในการขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป

 

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความจำเป็นของการกู้เงินในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมา รฟท. ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก รฟท. ต้องจัดสรรรายได้จากการดำเนินงานเพื่อนำไปจ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ 

รวมถึงใช้รายได้ส่วนที่เหลือสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง ทั้งในส่วนการโดยสารและขนส่งสินค้า เช่น การเปลี่ยนหมอนรองราง ระบบอาณัติสัญญาณ เครื่องกั้นทั่วประเทศ การบำรุงรักษารถจักรและล้อเลื่อน ค่าใช้จ่ายในการเดินรถ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญ

ด้วยเหตุนี้ รฟท. จึงมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่งผลให้มีเงินสดจ่ายมากกว่าเงินสดรับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,500 ล้านบาท โดย รฟท. เริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อ ครม. เพื่อขออนุมัติการกู้เงินในครั้งนี้ เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานต่อไป

ทั้งนี้ รฟท. จะเป็นผู้รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยกระทรวงการคลังจะทำหน้าที่ค้ำประกันการกู้เงิน รวมถึงพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม

นอกจากนี้ ในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ รฟท. จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป