เจาะลึก 5 ประเทศ ยื่นลงทุน FDI ในไทยสูงสุด รู้ไหมอยู่พื้นที่ไหนบ้าง

23 ต.ค. 2567 | 16:13 น.

รัฐบาล กางข้อมูลของ BOI พบ "การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)" 5 ประเทศยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,449 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 5.4 แสนล้านบาท แล้วรู้หรือไม่ว่าเม็ดเงินเหล่านั้นกระจายอยู่ในพื้นที่ไหนบ้าง 

รัฐบาลเปิดเผย รายงานจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่ามีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสนใจลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับเปิดเผย 5 ประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)  ยื่นขอรับการส่งเสริม 1,449 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.4 แสนล้านบาท

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงาน จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ว่า มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมากและได้กำชับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยเร่งดำเนินนโยบายและแนวทางอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพและเพิ่มปริมาณการเข้าลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า  บีโอไอ ได้รายงานว่ามีตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 พบว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวนมากถึง 2,195 โครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนมูลค่าเงินลงทุนมีมากถึง 722,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 42 ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 5 แสนล้าน  โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ปัจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนในภูมิภาคนี้และการขอรับการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นยอดลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปี

กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก

โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเป็นอันดับ 1 มี มูลค่า กว่า1.8 แสน กลุ่มดิจิทัลเป็นอันดับ 2 มูลค่า 9 หมื่นกว่าล้านบาท อันดับ3 เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีมูลค่าประมาณ6.7หมื่นล้านบาท

กลุ่มเกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า 5.2หมื่นล้านบาท และ อันดับ5 เป็น กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มีมูลค่าประมาณ3.4ล้านบาท

การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) 

สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ล่าสุด มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 1,449 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 เงินลงทุนรวมกว่า 5.4แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38

โดยประเทศที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรกคือ  

  1. สิงคโปร์ประมาณ1.8 แสนล้านบาท
  2. จีน 1.1 แสนล้านบาท
  3. ฮ่องกง 6.8 หมื่นล้านบาท
  4. ไต้หวัน 4.4 หมื่นล้านบาท
  5. ญี่ปุ่น 3.5 หมื่นล้านบาท  

 

เงินลงทุนอยู่ในพื้นที่ไหนบ้าง

  1. ภาคตะวันออก อาทิ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา 4.08 แสนล้านบาท
  2. ภาคกลาง 2.2 แสนล้านบาท
  3. ภาคเหนือ 3.5 หมื่นล้านบาท
  4. ภาคใต้ 2.5 หมื่นล้านบาท
  5. ภาคอีสาน 2.3 หมื่นล้านบาท
  6. ภาคตะวันตก 8.8 พันล้านบาท 

 

การส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม

ส่วนการขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยสนับสนุน “ผู้ประกอบการรายเดิมให้สามารถปรับตัว” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้นั้น มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 287 โครงการ เงินลงทุนรวม 2.7หมื่นล้านบาท

รวมทั้งการออกบัตรส่งเสริมในช่วง 9 เดือนแรกของปี มีจำนวน 2,072 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 เงินลงทุน 6.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า100% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน)

ทั้งนี้ การออกบัตรส่งเสริมเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด โดยปกติบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มทยอยลงทุนภายใน 1 - 3 ปี หลังจากออกบัตรส่งเสริม

“ตัวเลขการลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเดินหน้าเร่งพัฒนาระบบนิเวศและปัจจัยที่จะส่งผลต่อการลงทุน เพื่อรองรับกับสถานการณ์การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตโลก ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว” นายจิรายุกล่าว