นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะไม่ถูกลดอันดับเครดิต เรทติ้ง เพราะเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่บริษัทจัดอันดับเครดิต ต้องการเห็นนอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ก็คือ อยากเห็นคือรัฐบาลมีความต่อเนื่อง เพราะเขาอยากเห็นความต่อเนื่องของรัฐบาล และความแน่นอนทางการเมือง เชื่อว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในจุดที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าแล้ว
นายพิชัย กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบศรษฐกิจไทยกับมาเลเซียแล้ว มองไม่เห็นว่าเราจะด้อยกว่ามาเลเซียเลย มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่อาจแตกต่าง คือ ความชัดเจนของการลงทุนใหม่ ถ้าเราทำความชัดเจนตรงนี้ เชื่อว่าการลงทุนจะมาแน่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาที่เราเห็นเศรษฐกิจไทยไม่เติบโต เพราะการลงทุนน้อย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลเร่งผลัดกันเรื่องการลงทุน เม็ดเงินลงทุนสะสมตั้งแต่ปี 65 จนถึงปัจจุบันมีกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยสิ่งที่จะทยอยเข้ามา คือ ต่างประเทศเข้ามาลงทุน และไทยจะจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งทบทวนนโยบายที่ค้างไว้ตั้งแต่ปี 61 อย่างโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน
“ความเสี่ยงของเรทติ้ง ที่จะถูกลดอันดับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมมุติฐาน กล่าวคือ ถ้าเชื่อว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะโตต่ำกว่า 3% ไปหลายปี ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง รวมทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้เอสเอ็มอี โดยทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวยากขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีการดูแลต่อเนื่อง แบะระยะยาวต้องเข้าไปทำให้เรื่องเหล่านี้สมดุล”
ส่วนในด้านหนี้สาธารณะ ปัจจุบันรัฐบาลยังจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลอยู่ แต่ในระยะยาวเราจะต้องทำให้สมดุลให้ได้ แต่ในช่วง transition ก็จำเป็นต้องจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล สอดคล้องกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หนี้สารณะยังอยู่ในกรอบไม่เกิน 70%ต่อจีดีพี และแหล่งเงินกู้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ มีสัดส่วนเป็นหนี้ต่างประเทศจำนวนน้อย