นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister's Insurance Awards 2024) ว่า ธุรกิจประกันเติบโตเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงที่ตนเคยทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีเบี้ยประกัน มูลค่ากว่า 9.5 แสนล้านบาท เฉลี่ยเติบโต 3% ซึ่งหากถามว่าเติบโตขนาดเท่าใดนั้น เมื่อเทียบกับการเติบโตเศรษฐกิจไทย ที่ประมาณการว่าปีนี้จะอยู่ที่ 2.7% ไม่ถึง 3%
ทั้งนี้ หมายความว่าธุรกิจประกันนั้นเติบโตได้อย่างดี ประชาชนเริ่มเข้าถึง และนอกจากธุรกิจประกันดูแลเรื่องความเสี่ยงแล้ว เม็ดเงินจากธุรกิจนี้จะเป็นฐานเงินทุนของตลาดทุนด้วย ช่วยให้ตลาดทุนเติบโตด้วย ซึ่งหวังว่าสิ้นปี 68 มูลค่าของเบี้ยประกัน จะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท
ขณะที่แนวทางการหาแหล่งเงินเข้ามาใส่ในกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) เพื่อช่วยเหลือ กรณีมีบริษัทปิดกิจการนั้น เรื่องดังกล่าวจะต้องทำให้เรียบร้อย และต้องมีการหารือร่วมกัน ซึ่งระยะยาวสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ต้องเป็นแกนกลางให้กับบริษัท เพื่อให้ธุรกิจประกันอยู่ได้ เพราะแต่ละบริษัทมีผลประกอบการไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ จะต้องดูแหล่งเงินที่จะเติมเข้าใส่กองทุน โดยได้หารืออย่างไม่เป็นทางการแล้ว มีตัวเลือกอยู่ 2-3 ทาง น่าจะขอความร่วมมือกับธุรกิจประกันภัย และส่วนหนึ่งน่าจะมาจากภาครัฐด้วย
ส่วนในที่สุดจะต้องเพิ่มเงินนำส่งเข้ากองทุนหรือไม่ ก็อาจจะมีหลายๆ ส่วนผสมกัน ขณะที่แนวทางที่กระทรวงการคลังจะให้กู้ แล้วเป็นผู้ค้ำประกันให้นั้น มองว่าหากแหล่งของเงินมีความชัดเจน การค้ำประกันก็ไม่จำเป็น
“เวลาต้องชำระ เราต้องหาแหล่งเงินที่เชื่อได้ว่าจะเข้ามาต่อเนื่อง เพื่อหาแหล่งเงินที่จะได้ชำระในทีเดียว เรามีการคุยกันอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ก็มีตัวเลือกอยู่ 2-3 ทาง ซึ่งขอให้รอดูความชัดเจนอีกครั้ง“