"ทีเส็บ" ดันอุตฯการแสดงสินค้านานาชาติขึ้นแท่นศูนย์กลางระดับโลก

11 ต.ค. 2567 | 19:36 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ต.ค. 2567 | 20:19 น.

"ทีเส็บ" ดันอุตฯการแสดงสินค้านานาชาติขึ้นแท่นศูนย์กลางระดับโลก เดินหน้าจัดงาน Exhibition Industry Summit 2024 ประชุมผู้นำ ชี้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจของทั้งโลก 

ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) โดยมองว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจของทั้งโลก 

ขณะที่ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าวชัดเจน รวมถึงมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้จัดงาน Exhibition Industry Summit 2024 ภายใต้คอนเซ็ปต์ See Tomorrow Now โดยถือเป็นครั้งแรกกับการประชุมผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) ระดับโลกและภูมิภาค
 

ทั้งนี้ เพื่อทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้มาพบปะ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจร่วมกัน อีกทั้งจะดึงชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาร่วมงานในประเทศไทยได้

สำหรับในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-กรกฎาคม 2567)  อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากถึง 188,732 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 31% จากปีงบประมาณ 2566 

ด้านจำนวนผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าก็เพิ่มขึ้น โดยต่างชาติที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทยมีจำนวน 284,658 คน เพิ่มขึ้น 38% โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งและโดดเด่นให้แก่อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย คือ ความพร้อมของสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับการจัดงานได้ทุกรูปแบบ การเดินทางสะดวก บริการที่เป็นมิตร ซึ่งจะเห็นได้จากรายงานของสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI) 

ล่าสุดในปี 2565 ประเทศไทยมีพื้นที่การจัดงานแสดงสินค้าเป็นอันดับที่ 1 ขยับขึ้นจากอันดับ 2 ของอาเซียน เมื่อเทียบกับปี 2564 และขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย จากเดิมอันดับที่ 8  

การจัดงานดังกล่าวเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยและอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทยที่จะได้แสดงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก รวมถึงการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับผู้นำระดับโลก เพื่อกระตุ้นให้เกิดงานแสดงสินค้านานาชาติใหม่ ๆ ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต