นายพิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเภสัชกรรมในหลายแง่มุม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตยา เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมีต้นทุนที่ถูกลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้จะส่งผลดีต่อบริษัทที่เน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก เช่น JSP ซึ่งให้ความสำคัญกับการยึดฐานในตลาดภายในประเทศมากกว่าการส่งออก
ข้อดี คือ ต้นทุนการผลิตลดลง ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การนำเข้าวัตถุดิบมีต้นทุนที่ถูกลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมลดลง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนการผลิตที่ลดลง ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น
ส่วน ข้อเสีย คือรายได้จากการส่งออกลดลง หากบริษัทมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ รายได้ที่ได้รับเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทจะลดลง เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ขณะที่ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวม คือ การส่งออกที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในภาพรวม JSP ซึ่งเน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง อย่างไรก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมเภสัชกรรมโดยรวม อาจมีทั้งผลดีและผลเสีย ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและการส่งออกของแต่ละบริษัท
“ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเภสัชกรรมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางธุรกิจของแต่ละบริษัท
บริษัทที่เน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ในขณะที่บริษัทที่เน้นการส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง”