บีโอไอลุยดึงลงทุน อุตฯแห่งอนาคต ใช้พลังงานสะอาด ช่วยพลิกโฉม ศก.

28 ส.ค. 2567 | 13:13 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ส.ค. 2567 | 13:36 น.

ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ในหลายคู่ของโลก เกิดสงครามที่ตอบโต้กันด้วยอาวุธจริง สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี และสงครามการลงทุน ระหว่างสหรัฐ-จีน ที่ลามลึกถึงในยุโรป การเมืองไทยที่ไม่เสถียรที่มีผลต่อความเชื่อมั่นต่างชาติ และธุรกิจไทยในการลงทุน

ปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นมีผลต่อการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทยทั้งด้านบวกและด้านลบ อย่างไร “นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ได้ฉายภาพผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ”ไว้อย่างชัดเจน

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ

นายนฤตม์ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในไทยมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 การส่งเสริมการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริม มีจำนวน 1,412 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุน 458,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ในจำนวนตัวเลขดังกล่าว การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 889 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83 เงินลงทุนรวม 325,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16

ลงทุนเอเชียทะลักไทย

ทั้งนี้กว่าร้อยละ 80 เป็นการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบริษัทในทวีปเอเชีย ประเทศ / เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 90,996 ล้านบาท จีน 72,873 ล้านบาท ฮ่องกง 39,553 ล้านบาท ญี่ปุ่น 29,987 ล้านบาท และไต้หวัน 29,453 ล้านบาท ส่วนลำดับรองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย และไอร์แลนด์

“ภาพรวมการลงทุนดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพและพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อนโยบายรัฐบาลและทิศทางการพัฒนาประเทศที่มีความชัดเจน รวมทั้งผลจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่ได้ปรับปรุงให้สอดรับกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ประกอบกับกระแสการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์”

5 อุตฯลงทุนสูงสุด

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับ ช่วงครึ่งปีแรก คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 263,185 ล้านบาท ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รองลงมา ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เกษตรและแปรรูปอาหาร ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และดิจิทัล (กราฟิกประกอบ) นอกจากนี้ ยังมีกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือขยะที่มีจำนวนมากถึง 255 โครงการ เงินลงทุนรวม 72,475 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูง ล้วนเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่บีโอไอให้ความสำคัญ และเป็นสาขาที่ไทยมีความพร้อม

บีโอไอลุยดึงลงทุน อุตฯแห่งอนาคต ใช้พลังงานสะอาด ช่วยพลิกโฉม ศก.

อิเล็กฯ-รถยนต์-ดิจิทัลเด่น

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในแต่ละสาขา เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เกิดจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตและปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ท่ามกลางความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า ประกอบกับความพร้อมของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และซัพพลายเชนที่ครบวงจร

ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นสาขาที่มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในรถยนต์ทุกประเภท ทั้ง ICE, HEV, PHEV และ BEV รวมทั้งชิ้นส่วน ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก, ดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวด์ เซอร์วิสขยายตัวต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการลงทุนขององค์กรต่างๆ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล โดยเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรม เช่น Generative AI และ Cloud Computing ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด และการเติบโตของดีมานด์ในประเทศ

ชูพลังงานสะอาดดูดลงทุน

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในหลายกิจการที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น กิจการดาต้า เซ็นเตอร์ 3 โครงการ เงินลงทุนรวม 24,289 ล้านบาท, กิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) 31 โครงการ เงินลงทุนรวม 39,732 ล้านบาท, กิจการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ 8 โครงการ เงินลงทุนรวม 38,182 ล้านบาท, กิจการผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือระบบออโตเมชั่น 69 โครงการ เงินลงทุนรวม 10,271 ล้านบาท เป็นต้น

“การขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีแนวโน้มที่ดี ประเทศไทยยังคงได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนให้เป็นหมุดหมายสำคัญของการลงทุนในภูมิภาคนี้ คาดว่าทั้งปี 2567 จะมีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งปัจจัยพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย บวกกับแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตและการปรับโครงสร้างซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า ซึ่งประเทศไทยมีจุดยืนที่เป็นกลาง ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร”

นอกจากนี้ การที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกล้วนตั้งเป้าหมายเข้าสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ทำให้เกิดความต้องการด้านพลังงานสะอาด ซึ่งไทยมีศักยภาพด้านแหล่งพลังงานสะอาดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค และอยู่ระหว่างการจัดทำกลไกการจัดหาพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะยาว