"สามารถ" ดันซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน รับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย

27 ส.ค. 2567 | 09:28 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ส.ค. 2567 | 09:33 น.

"สามารถ" หนุน "คมนาคม" ซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน จ้างเอกชนบริหารเดินรถ มั่นใจหั่นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย แนะใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด อุ้มงบซื้อรถไฟฟ้า

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีข่าวที่น่าสนใจว่ารัฐจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนจากเอกชน เพื่อทำให้ค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีข่าวว่ารัฐจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนเมื่อต้นปี 2547 แล้วจะเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย

แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ในเวลานั้น มีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วเพียงสายเดียว ระยะทาง 23.5 กิโลเมตรเท่านั้น คือสายสีเขียวช่วงหมอชิต-อ่อนนุช ระยะทาง 17 กิโลเมตร และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร

ผมอยากให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน แต่เนื่องจากรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ทำให้ค่าโดยสารแพง

หากไม่ให้เอกชนมาร่วมลงทุน ถึงเวลานี้จะมีรถไฟฟ้าน้อยกว่าปัจจุบันมาก รถไฟฟ้าหลายสายคงยังไม่เกิด การให้เอกชนมาร่วมลงทุนมีข้อดีก็คือทำให้สามารถขยายเส้นทางรถไฟฟ้าได้เร็ว

แต่ก็มีข้อเสียที่ทำให้ค่าโดยสารแพง ด้วยเหตุนี้การซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนกลับมาเป็นของรัฐจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลง

แต่การซื้อคืนจะต้องใช้เงินจำนวนมาก เนื่องจากถึงวันนี้มีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว 8 สาย ระยะทางรวม 274 กิโลเมตร จะหาเงินมาจากที่ไหน

จึงเกิดแนวคิดที่จะหาเงินจากการเก็บค่าผ่านทางเข้าย่านธุรกิจซึ่งมีรถติด เรียกกันว่าค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge หรือ Congestion Pricing)

สิงคโปร์เป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด โดยเรียกมาตรการนี้ว่า Area Licensing Scheme (ALS) โดยเริ่มเมื่อปี 2518 ในขณะนั้นสิงคโปร์ยังไม่มีรถไฟฟ้า

แต่มีรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพให้บริการ ตอนเริ่มใหม่ๆ มีคนคัดค้านเพราะมาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อการใช้รถส่วนตัว แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและการเข้มงวดกวดขัน ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม

ประเทศไทยของเราเคยมีการศึกษาที่จะใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยนำมาใช้ปฏิบัติ

มาวันนี้จะศึกษาอีก ผมจึงขอถือโอกาสนี้ฝากข้อห่วงใยเกี่ยวกับการใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดไปถึงรัฐบาล ดังนี้

1.ภายในพื้นที่ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมรถติดจะต้องมีรถไฟฟ้าให้บริการทั่วถึง พร้อมทั้งมีรถเมล์ที่ดีทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารจากรถไฟฟ้า

2.ภายนอกพื้นที่ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมรถติดจะต้องมีที่จอดรถ เมื่อจอดรถแล้วผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ที่ดีได้ในลักษณะ “จอดแล้วจร (Park and Ride)” เพื่อเดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่อไป

3.จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยและผู้ทำการค้าภายในพื้นที่ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมรถติดหรือไม่

4. กรุงเทพฯ มีตรอกซอกซอยเยอะ จะหาทางป้องกันไม่ให้รถใช้เป็นเส้นทางหลบหลีกการชำระค่าธรรมเนียมได้อย่างไร

5. ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่จะต้องพิจารณา เช่น วันและเวลาการเก็บค่าธรรมเนียม ประเภทรถ จำนวนผู้โดยสารในรถรวมทั้งคนขับที่จะได้รับการยกเว้น วิธีการเก็บค่าธรรมเนียม และบทลงโทษ เป็นต้น

\"สามารถ\" ดันซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน รับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย

เมื่อรัฐมีแนวคิดที่จะซื้อสัมปทานคืนจากเอกชน ผมจึงขอฝากคำถามและข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาลเกี่ยวกับสัมปทานดังนี้

1.ในอนาคตรัฐจะเชิญชวนเอกชนให้มาร่วมลงทุนในกิจการรถไฟฟ้าอีกหรือไม่

2.หากรัฐไม่สามารถซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนจากเอกชนได้ รัฐจะต้องเลิกขยายระยะเวลาสัมปทานรถไฟฟ้าให้เอกชนทุกราย

3. รัฐจะซื้อสัมปทานทางด่วนคืนจากเอกชนด้วยหรือไม่ เพื่อทำให้ค่าผ่านทางถูกลง

หากไม่ซื้อ รัฐจะต้องเลิกขยายระยะเวลาสัมปทานทางด่วนให้เอกชนทุกราย

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดี อยากให้รัฐประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาการจราจร