สุดล้ำ “อาทิตย์” ซีอีโอ SCBX ดึง “GenerativeAI” นำเสนอข้อมูลผู้ถือหุ้น

06 เม.ย. 2567 | 12:18 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2567 | 13:50 น.
631

สุดล้ำ “อาทิตย์ นันทวิทยา” ซีอีโอ SCBX ตอกย้ำ AI-first Organization ดึง GenerativeAI นำเสนอข้อมูลผู้ถือหุ้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 (มีคลิป)

สำหรับ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ได้ดึง Generative AI มาเป็นส่วนสำคัญในการจัดเตรียมเนื้อหาและวิดีโอเพื่อนำเสนอผลประกอบการต่อผู้ถือหุ้น ตอกย้ำหมุดหมายสำคัญของ SCBX ในการเป็น AI-first Organization

 

ทั้งนี้การนำเสนอข้อมูล SCBX ได้ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือ Large Language Model : LLM มาศึกษาโครงสร้างของเนื้อหาจากการประชุมครั้งก่อน และเขียนสคริปท์สำหรับผลประกอบการปีล่าสุด และใช้เครื่องมือ Generative Video เรียนรู้รูปแบบของวิดีโอในอดีต เพื่อสร้างวิดีโอแถลงผลประกอบการขึ้นมาใหม่ ทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงพูด โดยไม่ต้องพึ่งพากระบวนการผลิตแบบเดิม

ทั้งนี้ SCBX ต้องการนำเสนอให้สังคมได้เห็นถึงศักยภาพของ AI ที่ธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้ และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สุดล้ำ “อาทิตย์” ดึง AI นำเสนอข้อมูลให้ผุ้ถือหุ้น

 

สุดล้ำ “อาทิตย์ นันทวิทยา” ซีอีโอ SCBX ดึง “GenerativeAI” นำเสนอข้อมูลผู้ถือหุ้น

ภายในคลิป ซีอีโอ SCBX ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ SCBX  ได้วางรากฐานหลายประการตลอดปี 2566 ดังนี้ เพิ่มขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีและข้อมูลผ่านการตั้งศูนย์ Center of Excellence ด้าน Cloud Cyber security และ AI เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานและการบริหารความเสี่ยงทั่วองค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็น AI-first Organization ภายใน 5 ปี

สำหรับผลประกอบการของ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้รายงานผลประประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43,521.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกัน มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 171,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากปีก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 71,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อน โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 42% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ระดับ 45.2% สะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

พร้อมทั้งได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 43,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% จากปีก่อน แสดงถึงการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างรอบคอบ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่ไม่ทั่วถึง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 160% เท่ากันกับปีที่แล้ว

ส่วนคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 3.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8% และมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ระดับ 9.3%