นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวกับ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ว่า หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฝากถึงกรมฯ ให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์นั้น ล่าสุด ได้ขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ที่ออกไปก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง พบว่า มีสหกรณ์ออมทรัพย์หลายแห่งเริ่มทำแล้ว ขณะที่อีกหลายแห่งยังไม่สามารถทำได้ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ บางสหกรณ์ออมทรัพย์ ยังไม่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำกว่า 4.75% ต่อปีตามนโยบาย บางแห่งคิดอยู่ที่ 5.25% ต่อปี แต่ในข่วงสิ้นปีที่สหกรณ์มีกำไร ก็จะคืนให้สมาชิกในรูปแบบเงินเฉลี่ยคืน บางแห่งให้สูงถึง 10% ของเงินดอกเบี้ย เมื่อคำนวณดูแล้ว ก็จะทำให้ภาพรวมดอกเบี้ยจะต่ำกว่า 4.75% ต่อปี
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือ การเร่งเชิญชวนสมาชิกเข้าร่วมโครงการคลินิคแก้ไขหนี้ของสหกรณ์ โดยคัดเลือกสมาชิกที่หักค่าใช้จ่ายเงินกู้แล้วเงินเหลือต่อเดือนไม่ถึง 30% มาทำการรวมหนี้ไว้ที่เดียว แล้วกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงขยายระยะเวลาชำระหนี้ เพื่อให้สมาชิกรายได้เหลือมากขึ้น
“เราต้องการให้สหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด 1,340 กว่าแห่ง ทำทั้ง 2 เรื่อง ให้เกิดขึ้นจริง พุ่งเป้าไปที่สมาชิกของสหกรณ์ให้ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต”
ขณะเดียวกันล่าสุด ยังได้หารือกับธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ในการส่งข้อมูลหนี้ระหว่างกัน ป้องกับการก่อหนี้ซ้ำซ้อนของสมาชิก บางรายรวมหนี้ไว้ที่สหกรณ์ บางรายก็รวมหนี้ไว้ที่ธนาคาร เชื่อมโยงข้อมูลกัน ให้รู้ว่าใครอยู่ระหว่างแก้หนี้ จะไม่มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม
นอกจากนี้ยังยืนยันว่า กรมฯ ยังคงแจ้งสหกรณ์ออมทรัพย์ทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง ให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกร่วมส่งข้อมูลกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เพื่อป้องกันการก่อหนี้ซ้ำซ้อนกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์หลายแห่งเห็นข้อดีของการเป็นสมาชิกแล้ว และให้ไปศึกษาดูงานสหกรณ์ออมทรัพย์ 6 แห่งที่สมัครสมาชิกเครดิตบูโร
อย่างไรก็ตาม สำหรับสหกรณ์ที่ยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เนื่องจากต้นทุนทางการเงินสูง กรมฯ ให้ความข่วยเหบือด้วยการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ โดยชุมนุมสหกรณ์ออมทร้พย์แห่งประเทศไทย จะหาเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้
“เดิมทีเงินในชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทยจะปล่อยกู้ราว 50% ส่วนที่เหลือลงทุนในตลาดทุน แต่ก็ได้หารือระหว่างกันให้ปรับนโยบายใหม่ นำเงินมาข่วยเหลือ ปล่อยกู้รายสหกรณ์มากขึ้น”