จับตาเอลนีโญ ทุบผลผลิต“ข้าว ปาล์ม ทุเรียน”วูบ เกษตรกรแบกหนี้เพิ่ม 8 หมื่นล.

29 ม.ค. 2567 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2567 | 14:44 น.
9.6 k

ผลการศึกษา “เอลนีโญ(El Nino) ทำชาวนาและเกษตรกร” หนี้ท่วม ชี้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งข้าว ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน ในปี 67-68 น่าห่วง คาดลดลงมากสุด จับตาดันหนี้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นล้าน

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และที่ปรึกษาบริษัท อินเทลลิเจนท์ รีเสิร์ช คอนซัลแตนท์ (ไออาร์ซี) จำกัด ได้เผยแพร่ บทวิเคราะห์ : เอลนีโญ(El Nino) ทำชาวนาและเกษตรกร “หนี้ท่วม” โดยมี 10 ประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

1.ปี 2567 โลกร้อนขึ้น น้ำทำการเกษตรลดลง

ตั้งแต่ปี 2566 – 2575 เป็นต้นไป อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจาก 0.8 องศาเซลเซียส เป็น 1.2 องศาเซลเซียส และปี 2567 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกเพิ่มมากกว่า 1 องศาเซลเซียส ส่งผลปริมาณน้ำของไทยในปี 2567 “ลดลง 4,025 ล้านลูกบาศก์เมตร” จากปี 2566 (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประเมิน ณ. 9-15 ม.ค. 2567) ทำให้น้ำใช้เพื่อการเกษตรลดลง ภาคเกษตรต้องการน้ำมากสุดคิดเป็น 80% ของการใช้น้ำทั้งหมดของประเทศ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาคเกษตร “ที่สูงอยู่แล้ว ยิ่งสูงขึ้นอีก” ชาวนาและเกษตรกรอื่น จะอยู่ยากลำบากมากขึ้นจาก “ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและรายได้ลดลง”

2.“1 ทศวรรษ” น้ำฝนลดลงมากกว่า 20%

ตั้งแต่ปี 2554 – 2566 ปริมาณน้ำฝนลดลงเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปี โดยในช่วงปี 2554-2558 ลดลง 27% และช่วงปี 2559-2562 ลดลง 21.7% บริษัท IRC คาดว่าในปี 2567 ปริมาณน้ำฝนลดลง 5-15% (เมื่อเทียบกับปี 2566)

3.เอลนีโญ ทำผลผลิตข้าวเปลือกไทยลดลงมากสุดในอาเซียน

ปี 2567 บริษัท IRC ประเมินว่า ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา (2538-2565) ในอาเซียนเกิดภาวะ El Nino หนัก 2 ครั้ง คือ ช่วงปี 2542 -2544 และช่วงปี 2556-2559 แต่ละช่วงทำให้ผลผลิตข้าวเปลือกอาเซียนลดลงอย่างมาก และปี 2567 ผลผลิตข้าวเปลือกไทย “ลดลงมากสุด 3.5 และ 5.1 ล้านตันในปี 2567 และ 2568” ตามลำดับ ตามด้วยผลผลิตข้าวเปลือกของอินโดนีเซีย เวียดนามและเมียนมา

4.ข้าว ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน "3 กลุ่มเสี่ยงผลผลิตลดลงมากสุด”

ในจำนวน 5 พืชเศรษฐกิจของไทยคือ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และมันสำปะหลัง ในปี 2567 หาก “อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1% และปริมาณน้ำฝนลดลง 1%” ทำให้ผลผลิตข้าว ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน ลดลงมากสุด โดยปี 2567 คาดว่าผลผลิตข้าวเปลือกลดลง 1.3 ล้านตัน ปาล์มน้ำมันลดลง 6 แสนตัน และทุเรียนลดลง 4.9 แสนตัน  

5. เอลนีโญ ทำผลผลิตข้าวเปลือกลดลง 3 ปีติดต่อกัน

อัตราการขยายตัวการผลผลิตข้าวเปลือกไทยลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จาก 10.9% เหลือ -9.2% ในปี 2567

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช

6.เอลนีโญ ทำปริมาณส่งออกข้าวไทยลดลง ราคาข้าวไทยแพงสุด สต๊อกข้าวโลกลดลง 4 ปีติด

ปี 2567 เอลนีโญทำให้ปริมาณการผลิตข้าวเปลือกลดลง ส่งผลทำให้ไทยมีข้าวส่งออกลดลงจาก 8.5 ล้านตัน (2566) เหลือ 7.2 ล้านตันในปี 2567 เป็นอันดับสองของโลก ส่วนทิศทางราคาข้าวไทยในตลาดโลก “แพงสุดในโลก” และสต๊อกข้าวโลกลดลง 4 ปีติดต่อกัน คาดว่าสต๊อกข้าวลดลง 1% ทำให้ราคาข้าวโลกเพิ่ม 4% และราคาข้าวโลกปี 2567 อยู่ที่ 610-670 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

7.เอลนีโญ ทุเรียน และปาล์ม รายได้ลดลงมากสุด และข้าว ยางพารา รายได้ติดลบมากสุด

รายได้ต่อไร่ของชาวนา และชาวสวนยางพารา ติดลบมากสุด คือ -971 บาท/ไร่ และ -3,315 บาท/ไร่  แต่ รายได้ของชาวสวนทุเรียนลดลงมากสุด 21,932 บาท/ไร่ และปาล์มน้ำมัน 3,505 บาท/ไร่

8.เอลนีโญ ข้าว ยาง ปาล์ม หนึ้เพิ่มมากสุด

เอลนีโญทำครัวเรือนเกษตรกรเป็น หนี้เพิ่มขึ้น โดยครัวเรือนชาวนามีหนี้เพิ่มมากสุดอยู่ที่ 298,530 บาท/ครัวเรือน ตามด้วยยางพารา 271,700 บาท/ครัวเรือน และปาล์ม มันสำปะหลังและทุเรียน  ตามลำดับ

9.เอลนีโญทำหนี้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่ม 8 หมื่นล้านบาท

เอลนีโญ ทำหนี้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้น 8% หรือ 8 หมื่นล้านบาท ทำให้หนี้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มในปี 2567 (ไม่มีเอลนีโญ) ที่ 11.6 ล้านล้านบาท เป็น 11.7 ล้านล้านบาท (มีเอลนีโญ)

10.ปี 2567 “น้ำ ปัญหาใหญ่เกษตรกรไทย”

ทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งบริหารจัดการ และหาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร “โดยด่วน” เช่น ระบบ Smart Waterโดยใช้เทคโนโลยีน้ำน้อย ทำให้ดินชุ่มชื่น และโครงการ “1 น้ำ 1 เกษตรกร” เป็นต้น