นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/59 (ม.ค.-มี.ค.)ว่า สามารถสร้างการเติบโตที่ดีทั้งในแง่รายได้และกำไร โดยมีรายได้จากการให้บริการรวม 63.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 51.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.4 ล้านบาท นอกจากนี้ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมา
จากผลการดำเนินงานที่มีอัตราการเติบโตที่ดีนั้น มีปัจจัยมาจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและปริมาณการทำธุรกรรมรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก ส่งผลให้รายได้จากค่าบริการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีทั้งที่จัดเก็บตามปริมาณการใช้งานจริงและจัดเก็บเป็นรายเดือนจากทั้ง 3 กลุ่มบริการหลักของเน็ตเบย์ ได้แก่ กลุ่มบริการ e-Logistics กลุ่ม e-Business Services และกลุ่ม Projects มีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจทุกกลุ่ม
“ผลการดำเนินงานที่เติบโตดีในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการควบคุมค่าใช้จ่าย ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัทฯ เพราะธุรกิจของเน็ตเบย์คือเป็นผู้ให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมทางออนไลน์ผ่านทางระบบที่เน็ตเบย์พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งนับวันจะมีบทบาทกับทุกภาคส่วนและมีความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและลดความยุ่งยากซับซ้อนในการจัดส่งข้อมูลทางเอกสาร”
นายพิชิต กล่าวต่อไปว่า คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 นี้จะมีอัตราเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากการรักษาฐานลูกค้าเดิมพร้อมกับขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยคาดว่าความต้องการใช้บริการธุรกรรมรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลทางออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายลดการใช้เอกสารในการรับ-ส่งข้อมูล พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานเพื่อก้าวเข้าสู่ยุค Digital Business Transformation ประกอบกับรัฐบาลก็มีนโยบายพัฒนาประเทศสู่ Digital Economy หรือเศรษฐกิจดิจิตอล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายการให้บริการธุรกรรมออนไลน์ไปสู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ในอนาคต ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านระบบสารสนเทศภายใต้แนวคิด Digital Business Platform ที่จะสามารถต่อยอดขยายขอบเขตการให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย